ปัญหาสุขภาพและโรคผิวหนังของเจ้าตูบ มักจะเป็นที่มักกวนใจเจ้าของอยู่บ่อยครั้ง บางครั้งเจ้าตูบก็ไปเล่นซนคลุกดิน เปื้อนโคลน และไม่ได้ล้างตัวทำความสะอาดทันที ยิ่งในช่วงฤดูฝน การติดเชื้อและการหมักหมมของเชื้อโรคต่างๆ อาการของโรคผิวหนังสุนัขนั้นมีความหลากหลายรูปแบบและที่มา จึงทำให้เจ้าของต้องดูแลแตกต่างตามอาการ วันนี้เรารวบรวมตัวอย่างโรคผิวหนังที่สุนัขมักจะเป็นและการดูแลต่างๆ มาให้ได้ลองศึกษาดูกัน
โรคผิวหนังสุนัขโดยทั่วไป
ก่อนจะเข้าไปสู่สาเหตุ เราต้องทำความเข้าใจถึงอาการคันต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับน้องหมาของเราก่อน โดยทั่วไป โรคผิวหนังสุนัข เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ และมีลักษณะแตกต่างกันออกไป แต่โดยทั่วไป เมื่อเกิดโรคแล้ว สุนัขจะมีอาการคัน(Pruritus) มากกว่าปกติ บริเวณที่เกานั้น จะมีรอยตั้งแต่ รอยแดง รอยผิวไหม้ มีน้ำมันหรือน้ำเหลือง ผิวหนาขึ้นหรือขนร่วงเป็นหย่อมๆ เป็นต้น อาการโรคผิวหนังมีทั้งแบบเล็กน้อยหายเองได้ ไปจนถึงขั้นรุนแรงที่กัดกินเนื้อเยื่อ เกิดเนื้อตายและการติดเชื้อร้ายแรงได้
เมื่อเกิดโรคผิวหนัง อาการส่วนมากจะเป็นเรื้อรังและใช้เวลาในการรักษากว่าจะหายดี ซึ่งต้องพาน้องหมาไปพบสัตวแพทย์เพื่อได้รับการรักษาที่เหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
โรคผิวหนังสุนัขเกิดจากอะไรบ้าง? สาเหตุของโรคผิวหนังที่พบบ่อยในน้องหมา
สาเหตุของการเกิดโรคผิวหนังของสุนัขเกิดขึ้นได้ทั่วไป โดยแบ่งเป็นสาเหตุดังนี้
โรคผิวหนังสุนัขจากเห็บ
สาเหตุที่พบได้บ่อยอย่างหนึ่งคือ เห็บ (Ticks) สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่อาศัยอยู่บนผิวและขนของสุนัข ในรูปแบบปรสิต จะทำหน้าที่ในการดูดเลือด และ แพร่พันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว พบมาในช่วงฤดูร้อน โดยสุนัขที่เล่นกับพื้นดินหรือพื้นที่ไม่สะอาด จะมีตัวเห็บมาเกาะ โดยเฉพาะที่รูหูและบริเวณหลังหู เพราะ เห็บสามารถดูดเลือดได้ง่ายและสุนัขมักจะปัดหรือเกาไม่ถึง เห็บสามารถเป็นพาหะนำโรคได้ทั้งกับสุนัขและมนุษย์
โรคผิวหนังสุนัขจากหมัด
ตัวหมัด (Fleas) เป็นสิ่งมีชีวิตที่พบได้ทุกที่ ทั้งในที่อยู่อาศัยของมนุษย์และพื้นดิน สามารถวางไข่ได้ไวและเป็นสาเหตุของอาการคัน อาการแพ้ต่างๆ ทั้งกับสุนัขและมนุษย์ หมัดสามารถทำให้เกิดอาการอักเสบและติดเชื้อจากการเกาหรือแกะแผลที่บริเวณต่างๆ ของสุนัข เสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคอื่นๆ เพิ่มเติมได้
โรคผิวหนังสุนัขจากตัวไร
ตัวไร (Mite) สิ่งที่มีชีวิตที่พบได้ง่ายและเป็นอันตรายอีกตัว เพราะไร สามารถติดกับสุนัขและอาศัยบนผิวหนังสุนัขได้ถึง 2 แบบ คือ อาศัยบนโรคขี้เรื้อนแห้ง และ การติดจากแม่สุนัขสู่ลูกสุนัข ทำให้เกิดอาการคันอย่างรุนแรง ทำให้เกิดแผลเลือดออก และ มีอาการขนหลุดร่วงเป็นหย่อมๆ ต่างๆ
โรคผิวหนังสุนัขจากอาการแพ้
สุนัขสามารถมีอาการแพ้ได้เหมือนกับคนเช่นกัน โดยสุนัขสามารถแพ้ทั้งอากาศ อาหารและสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัย โดยทั่วไปหากเกิดโรคผิวหนังด้วยอาการแพ้ สุนัขจะมีการอักเสบที่หูและจมูก สามารถสังเกตได้ทันที อาการแพ้จะทำให้สุนัขคัน และเกาจนเกิดแผลติดเชื้อต่างๆ
หนึ่งในปัญหาการแพ้อาหารที่พบบ่อย คือการแพ้ by-product อย่างเนื้อไก่และข้าวโพด ซึ่งอาหารสุนัขส่วนใหญ่ในตลาดจะมีส่วนผสมของ by-product พวกนี้อยู่ ที่ JOMO เราเลือกใช้โปรตีนหลักจากเนื้อแกะออสเตรเลีย ไม่มีกลูเต็น ไม่มีส่วนผสมของเนื้อไก่และข้าวโพด ลดความเสี่ยงในการแพ้อาหารของสุนัข เลือกซื้ออาหารสุนัขเพื่อบำรุงขนและผิวหนังจาก JOMO ได้แล้ววันนี้ เพื่อสุขภาพของน้องหมาที่ดีในทุกวัน
โรคผิวหนังสุนัขจากต่อมไขมันผิดปกติ
อาการผิดปกติจากต่อมไขมัน (Seborrheic dermatitis) เป็นอาการผิดปกติจากการผลิตไขมัน แบ่งได้ 2 ประเภทคือ การผลิตไขมันมากเกิน และ ผลิตไขมันน้อยเกิน ซึ่งทำให้เกิดอาการคัน มักจะเป็นกับผิวหนังบริเวณหน้าและหลังของสุนัข ซึ่งหากเกิดบาดแผลจากการเกาจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อมากขึ้น เพราะต่อมไขมันทำงานผิดปกติ
โรคผิวหนังสุนัขจากยีสต์
เดิมทีบนขนของสุนัขจะมียีสต์เกาะอยู่แล้ว ซึ่งไม่ส่งผลอันตรายด้านสุขภาพแต่อาจทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ในตัวของสุนัข ซึ่งหากเกิดการแกะ หรือ เกาบ่อยๆ จากสาเหตุข้างต้น ยีสต์จะเกาะและขยายตัว ทำให้เกิดโรคผิวหนังขอสุนัข ทำให้ผิวหนังเป็นเกล็ดแข็งแบบหนังช้าง ขนจะร่วง มีกลิ่นตัวแรงและต้องใช้เวลาในการรักษา
โรคผิวหนังสุนัขมีกี่ชนิด?
โรคผิวหนังของสุนัขมีหลายแบบ เช่นเดียวกับที่มาและสาเหตุของการเกิดโรค ซึ่งแต่ละชนิดจะมีรูปแบบและมีความร้ายแรงมากแค่ไหน ลองติดตามดูกันได้เลย
1.โรคผิวหนังสุนัขอักเสบจากการแพ้น้ำลายหมัด (Fleabite allergic dermatitis)
โรคผิวหนังสุนัขจากภาวะภูมิแพ้น้ำลายหมัดมักจะทำให้เกิดอาการคัน พบได้บ่อยในสุนัขช่วงอายุ 1-3 ปี สาเหตุเกิดจากหมัดดูดเลือดจากผิวหนังของสัตว์ แล้วทำการปล่อยน้ำลายเข้าไปในผิวหนังชั้นนอกหรือหนังกำพร้า ซึ่งน้ำลายของหมัดจะไปกระตุ้นให้เกิดภาวะภูมิแพ้ในตำแหน่งนั้น ๆ อาการจะเริ่มจากมีอาการบวมน้ำ มีตุ่มนูนสีแดง และสุนัขจะมีอาการคันเป็นแถบยาว พบรอยในตำแหน่งแนวสันหลัง, หาง และสีข้าง หรือในบางกรณีอาจพบบริเวณขา, ลำคอ และส่วนหัวได้ด้วย
2. โรคขี้เรื้อนแห้ง (Sarcoptic mange)
โรคขี้เรื้อนแห้งเป็นโรคผิวหนังสุนัขที่สามารถติดต่อได้ทั้งในสุนัขและคนที่อยู่ใกล้ชิด สาเหตุเกิดจากตัวไร Sarcoptes scabiei var. canis โรคผิวหนังสุนัขชนิดนี้จะมีการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ โดยสัตว์จะเกิดสภาวะภูมิไวเกิน (hypersensitivity) ต่อตัวไรและสารคัดหลั่งที่ไรปล่อยออกมา ทำให้เกิดอาการคันผิวหนัง อาการเริ่มต้นจะมีตุ่มนูนสีแดง และสะเก็ด สีเทา-เหลืองรอบๆ บริเวณที่อักเสบ บริเวณที่พบได้บ่อย คือ ปลายใบหู, ข้อศอก, ข้อเท้า และผิวหนังด้านล่างของช่องท้อง ในสุนัขที่ไม่ได้รับการรักษาทันทีจะกระจายไปทั่วผิวหนังของร่างกาย
3.โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic dermatitis)
โรคผิวหนังสุนัขนี้เป็นภาวะที่สาเหตุมาจากการตอบสนองของภูมิคุ้มกันในการสร้าง IgE antibodies จากการแพ้สารก่อภูมิแพ้ (allergen) เช่น ฝุ่นละอองและละอองเกสรดอกไม้ จนทำให้เกิด ผิวหนังอักเสบ อาการของโรคจะเริ่มสังเกตเห็นเมื่อสุนัขอายุ 1-3 ปี อาการจะมีตั้งแต่คันที่ผิวหนัง ผิวหนังมีสีแดง และอาจพบการเปลี่ยนแปลงของผิวหนังเป็นสีเข้ม และผิวหยาบด้านหนาขึ้น ซึ่งสามารถพบได้ที่ผิวหนังระหว่างนิ้ว, ใบหู, ฝีเย็บ, ใบหน้า (รอบตาและริมฝีปาก) และ รักแร้ เป็นต้น ทั้งนี้ยังอาจพบขนร่วงขึ้นกับช่วงเวลา และความรุนแรงของผิวหนังที่เกิดการอักเสบ
4. โรคผิวหนังสุนัขจากเห็บ (Tick infestation)
โรคผิวหนังสุนัขจากเห็บ เป็นโรคทั่วไปสามารถพบได้บ่อยกับสุนัข โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทย สายพันธุ์ที่พบคือ เห็บสุนัขสีน้ำตาล ซึ่งเป็นเห็บชนิดที่อยู่ในกลุ่มเห็บแข็ง เห็บชนิดนี้จะฝังปากที่มีลักษณะเป็นหนามลงไปในชั้นผิวหนังของสุนัขเพื่อยึดผิวหนังเอาไว้ก่อนจะดูดเลือดสุนัข ทำให้เกิดการติดเชื้อ โดยจะเป็นแผลมีลักษณะผิวหนังมีสีแดงและเป็นตุ่มนูน บริเวณที่เห็บกัด สุนัขจะมีอาการคันอย่างมาก จะเก่าบ่อยและเกิดเป็นแผลขึ้นมาได้ ซึ่งเสี่ยงต่อการติดเชื้อชนิดอื่นๆ เพิ่มเติมอีกด้วย
5.โรคขี้เรื้อนเปียก (Demodicosis)
โรคขี้เรื้อนเปียกเกิดจากการถูกกัดโดยตัวไรขี้เรื้อนที่อาศัยอยู่ในรูขุมขน หรืออาจพบได้ในต่อมไขมันที่ผิวหนัง โดยตัวไรจะเลือกกินเศษเซลล์ภายในรูขุมขนและต่อมไขมัน สามารถพบไรขี้เรื้อนเปียกได้จำนวนไม่มากนักในสุนัขปกติ แต่เมื่อสุนัขมีภาวะภูมิคุ้มกันลดลงรวมไปถึงเมื่อภูมิคุ้มกันถูกกดไว้ อาการแพ้และอาการป่วยต่างๆ จะทำให้ไรเหล่านี้มีเพิ่มจำนวนขึ้น เมื่อถูกกัดมากๆ ทำให้ผิวหนังเริ่มมีการอักเสบเกิดเป็นอาการขี้เรื้อนเปียก นอกจากนี้โรคผิวหนังอักเสบเป็นหนองจากการติดเชื้อแบคทีเรียก็สามารถทำให้ไรเพิ่มจำนวนได้เช่นกัน
5 อาการของโรคผิวหนังที่พบได้บ่อย
อาการผิดปกติของโรคผิวหนังสุนัข มีหลากหลายรูปแบบ แต่มีอาการที่มักพบได้ทั่วไป สามารถสังเกตได้ง่าย ซึ่งอาการที่เกิดขึ้น มีที่มาจากแหล่งใดและมีความรุนแรงหรือไม่ เรามาลองดูกันได้เลย
1. ตุ่มสีแดง / เม็ดสีแดง
เป็นอาการแพ้ผิวหนังทั่วไป ลักษณะจะเป็นตุ่มขนาดเล็กไม่เกินข้อนิ้วมือ อาจมีตุ่มที่นูนขึ้นมาสลับบ้าง โดยทั่วไปเกิดจากหลายสาเหตุ แต่มักจะพบจากการถูก เห็บ หมัดหรือไร กัดที่ผิวหนัง หรือเป็นอาการจากการแพ้อากาศและสิ่งแวดล้อมได้เช่นกัน
2. ผิวแห้งเป็นสะเก็ด
อาการที่เกิดจากการจับตัวเป็นสะเก็ดของเซลล์ที่ตายแล้ว สะเก็ดเลือด หนอง รังแคหรือยาที่แห้งแล้วจับตัวกันบนผิวหนัง พบได้ทั่วไปไม่อันตรายนัก เกิดจากการมีปรสิตมาเกาะกินผิวหนังยาวนานหรือการติดเชื้อบนผิวหนัง
3. ขนหลุดร่วง
อาการขนหลุดร่วงปริมาณมาก จนทำให้เห็นผิวหนังเป็นอาการไม่ปกติของสุนัข เกิดขึ้นจากการติดเชื้อหรืออาการป่วย ไม่ว่าจะเป็นโรคภายในหรือภายนอก เช่น โรคขี้เรื้อน ภูมิแพ้ การแพ้เห็บ/หมัด หรือ อาการเครียดในสุนัข เป็นต้น ซึ่งปล่อยทิ้งไว้ยาวนานจนขนหลุดร่วงทั้งบริเวณ ควรตรวจหาสาเหตุกับสัตวแพทย์โดยตรง
4. แผลเปียก / แผลเป็นหลุม
อาการที่เกิดการอักเสบบนผิวหนังสุนัขตลอดเวลา จนหนังชั้นนอกหลุดออก แผลจะมีเลือดหรือน้ำหนองซึมตลอดเวลา เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุตั้งแต่การถูกแมลงกัด ไปจนถึงอาการรุนแรงอย่างโรคมะเร็งผิวหนัง โดยทั่วไปต้องใช้เวลารักษาค่อนข้างยาวนาน
5. รังแคและผิวแห้งเป็นขุย
อาการเหล่านี้เกิดขึ้นได้จากการโดนตัวหมัด หรือ ไร กัดที่ผิวหนัง ผิวหนังจะแห้งและล่อนออกมาเป็นขุยขาวๆ เป็นการผลัดเซลล์ผิวเก่าออกไป นอกจากนี้ยังพบอาการผิวหนังเป็นรังแคร์ได้จากอาการขี้เรื้อนแห้ง การติดเชื้อจากยีสต์บนผิวหนัง เป็นต้น
5 วิธีการป้องกันและรักษาโรคผิวหนังสุนัข
1. อาบน้ำและพ่นสเปรย์ฆ่าเห็บ-หมัด
วิธีป้องกันที่ง่ายๆ คือการพาน้องหมาอาบน้ำ โดยแนะนำให้อาบ 1-2 สัปดาห์ครั้ง เพื่อให้ผิวและขนมีปริมาณแบคทีเรียที่สมดุล ดีต่อสุขภาพ หลังจากอาบน้ำ แนะนำให้พ่นหรือฉีดสเปรย์ฆ่าเห็บ-หมัด ปิดท้าย เพื่อป้องกันเจ้าสิ่งมีชีวิตที่ไม่น่ารักเหล่านี้จากน้องหมาของเรา
2. ทำความสะอาดที่นอน – บริเวณที่อยู่สุนัข
ตัวไรชนิดต่างๆ จะอาศัยอยู่ตามพรม ฟูก ที่นอน การทำความสะอาดสิ่งเหล่านี้จะช่วยป้องกันปัญหาอาการแก้และคันจากไรได้ รวมถึงการฉีดป้องกัน เห็บ หมัดจากพื้นดินรอบๆ ตัวบ้านก็ช่วยให้น้องหมาวิ่งเล่นได้อย่างสบายกาย เจ้าของก็จะสบายใจมากขึ้น
3. ดูแลรักษาด้วยสมุนไพร
เราสามารถปรับใช้สมุนไพรไทย ในการดูแลรักษาสุขภาพผิวและขน เพื่อป้องกันโรคผิวหนังสุนัขได้ เช่น
- ว่านหางจระเข้ (Aloe vera): ว่านหางจระเข้นั้นมีฤทธิ์ในการบรรเทาการอักเสบและช่วยทำให้ผิวหนังอ่อนตัวลง วิธีการใช้ คือ นำใบสดที่แก่เต็มที่ แกะเปลือกด้านนอกและล้างยางสีเหลืองออกให้หมดจด และใช้ในเฉพาะส่วนที่เป็นวุ้นใสซึ่งว่านหางจระเข้สามารถใช้ได้ทั้งแบบสดและการเตรียมเป็นทิงเจอร์ จากนั้นนำมาทาบริเวณที่เป็นรอย วันละ 2-3 ครั้ง ช่วยแก้ปัญหาผิวหนังและโรคที่เกิดจากเชื้อราได้
- ฟ้าทลายโจร (Andrographis paniculata): สำหรับสรรพคุณของฟ้าทลายโจรมีฤทธิ์ในการลดการอักเสบเป็นอย่างดี วิธีการเตรียมสำหรับนำมารักษาโรคผิวหนังสุนัข คือ นำใบสดที่ไม่แก่หรืออ่อนเกินไปมาล้างให้สะอาดแล้วตากให้แห้ง จากนั้นบดให้เป็นผง แล้วนำมาชงกับน้ำร้อนในขนาด 250-300 มิลลิกรัม ต่อน้ำ 1 ลิตร แบ่งให้สุนัขกิน 3 ครั้งใน 1 วัน จะสามารถช่วยบรรเทาอาการโรคผิวหนังสุนัข ในกลุ่มอาการอักเสบต่างๆ
- น้ำมันมะพร้าว: น้ำมันมะพร้าวมีคุณสมบัติในการบำรุงและถนอมเส้นขน ช่วยให้สุขภาพดีและมีความเงางาม นอกจากนี้ยังมีช่วยในการรักษาโรคผิวหนังสุนัขที่เกิดจากเชื้อราหรือปัญหาขนร่วงต่างๆ เพียงทำน้ำมันมะพร้าวลงบางๆ และเช็ดรอบๆ บริเวณที่มีอาการก็เป็นอันใช้ได้แล้ว
- ขมิ้นชัน (Curcuma longa): ขมิ้นชันมีฤทธิ์ในการช่วยลดอาการอักเสบของผิวหนังและช่วยบำรุงผิวหนังได้ดี วิธีการใช้ขมิ้นชันในการรักษา และบรรเทาอาการ คือ เตรียมเหง้าแก่สดล้างให้สะอาดแล้วหั่นเป็นแว่น จากนั้นตากให้แห้งแล้วนำมาเตรียมเป็นยาน้ำมัน หรือทิงเจอร์ หลังจากนั้นใช้ทาบางๆ ให้ทั่วบริเวณที่มีอาการโรคผิวหนัง วันละ 2-3 ครั้ง ก็จะช่วยให้อาการดีขึ้นได้
4. ปรับเมนูอาหาร ให้มี Omega 3 / Omega 6
การบำรุงร่างกายสุนัขจากภายในก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญ โดยเฉพาะผิวหนังและขน การให้ อาหารที่อุดมไปด้วยโอเมก้า 3 และ 6 เป็นไขมันดีที่ช่วยให้สุนัขมีสุขภาพผิวที่ดีขึ้น มีขนเงางาม พร้อมทั้งลดปัญหาขนหลุดร่วงจำนวนมากลงได้ หากสุนัขได้ทานอาหารที่มีประโยชน์ก็จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ฟื้นตัวไวและมีภูมิคุ้มกันที่ดีต่ออาการต่างๆ มากขึ้น
ที่ JOMO เราเลือกสรรวัตถุดิบคุณภาพดี จนได้เป็นอาหารเม็ดสุนัขสูตรพรีเมียม โปรตีนสูง 23% อุดมไปด้วยโอเมก้า 3 และ 6 จากน้ำมันปลาแซลมอน ช่วยบำรุงขนและผิวให้น้องหมาขนสวย ไม่ร่วง ผิวหนังสุขภาพดี สั่งซื้อ JOMO วันนี้ส่งฟรีทั่วประเทศไทย
5. ตรวจสุขภาพกับสัตวแพทย์
หากสุนัขเริ่มมีอาการไม่ดี หรือรักษาเบื้องต้นแล้วแต่อาการไม่ดีขึ้น ควรพาสุนัขไปพบสัตวแพทย์เพื่อวินิจฉัยอาการของโรคผิวหนังนั้นๆ เพื่อทำความเข้าใจและรับคำแนะนำที่เหมาะสมในการดูแลสุขภาพของสุนัขไม่เพียงแต่ปัญหาโรคผิวหนังสุนัข แต่ยังรวมไปถึงสุขภาพร่างกายในด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีกด้วย
สรุปการดูแลรักษาสุนัขป่วยโรคผิวหนัง
หมั่นสังเกตอาการและการเกาของสุนัข จุดเริ่มต้นของโรคผิวหนังสุนัขส่วนมากเกิดจากการที่สุนัขคันและเกาบ่อยๆ ทำให้เกิดรอยช้ำและการอักเสบของผิวหนัง ซึ่งนำไปสู่การติดเชื้อต่างๆ การดูแลรักษาความสะอาดของสุนัขและที่อยู่อาศัยเป็นสิ่งที่สามารถได้ง่ายและควรดูแลความสะอาดสม่ำเสมอทุกๆ 1-2 สัปดาห์ เพื่อให้สุนัขมีสุขอนามัยที่ดี
นอกจากนี้การได้รับอาหารที่มีคุณค่าและอุดมไปด้วยโอเมก้า 3 และ 6 ยังเป็นตัวช่วยจากภายในให้สุนัขมีสุขภาพผิวและขนที่แข็งแรง อาหารสุนัขJOMO เกรดพรีเมี่ยม ช่วยบำรุงขนและผิวหนัง ด้วย โอเมก้า 3 และ 6 จากน้ำมันปลาแซลมอน อีกทั้งยังมีส่วนผสมของใบยัคคาที่ช่วยลดกลิ่นตัวและคราบน้ำตาของสุนัขได้อีกด้วย สั่งซื้อได้แล้ววันนี้เพื่อสุขภาพขนและผิวหนังที่ดีของน้องหมา ส่งฟรีทั่วประเทศไทย
สุนัขมีอาการคันแบบไหน ที่ควรพบสัตวแพทย์?
สุนัขจะมีการเกาและคันอยู่บ้างเป็นปกติ แต่หากสังเกตว่ามีการเกาที่ถี่จนเกินไป รวมถึงการเกามีความรุนแรง ควรสังเกตบริเวณที่เกาเพิ่มเติมว่ามีอาการเหล่านี้หรือไม่ หากมีควรพาไปพบสัตวแพทย์ทำวินิจฉัยทำการรักษาต่อไป
- คันและเกาจนนอนไม่หลับ ตลอดทั้งคืน
- ผิวหนังบริเวณที่เกามีสีแดง เป็นผื่นนูนแดง มีสะเก็ดรังแค มีเลือดออกเป็นจุด
- ผิวหนังเปลี่ยนไปจากปกติ เช่น เหนียวเหนอะหนะ หรือมีขนร่วงมากกว่าปกติ
- ผิวหนังมีกลิ่นเหม็น มีไขมันจากผิวไหลซึมตลอดเวลา
- ใบหูหู หลังหูมีหนองไหลออกมาและมีกลิ่นเหม็น
สุนัขมีรังแค ผิดปกติไหม?
ผิวหนังมีรังแค เกิดขึ้นกับสุนัขได้เช่นกัน โดยเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งการแพ้ การขาดสารอาหารหรือแม้แต่อากาศหนาวก็ทำให้เกิดได้ นอกจากนี้ยังมีสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับอาการป่วยซึ่งหากสุนัขมีรังแคเรื้อรังและเริ่มคันจนเกาไม่หยุด ควรพาไปตรวจสุขภาพกับสัตวแพทย์เพื่อรักษาต่อไป
ป้องกันไม่ให้สุนัขเกาแผลแรงๆ ได้อย่างไร
หากสุนัขเป็นแผลและมีการคันผิวหนังซึ่งมักจะเกาและเลียจนเกิดการติดเชื้อ โดยทั่วไปมีจะปลอกคอกันเลียครอบคอไว้ และเจ้าของสามารถตัดเล็บของสุนัขเพื่อลดความแหลมคมและป้องกันการติดเชื้อได้ด้วย