หากสุนัขของคุณมีอาการไอผิดปกติ แน่นอนว่าคุณจะต้องรู้สึกกังวลใจ และอยากให้น้องหมาหายเป็นปกติเร็วที่สุด โดยการไอนั้นแฝงไปด้วยปัญหาสุขภาพที่หลากหลาย บางอาการก็เป็นโรคทั่วไป แต่บางอาการก็อาจอันตรายกว่าแบบอื่น ๆ เราจึงขอชวนมาดูสาเหตุหลัก ๆ ของการไอในสุนัข อาการไอแบบต่าง ๆ เมื่อไหร่ควรไปพบแพทย์และสิ่งที่ควรทำเพื่อรักษาน้องหมาสำหรับอาการไอที่เกิดขึ้น
10 สาเหตุที่ทำให้สุนัขไอ
การไอเกิดขึ้นจากสัญชาตญาณเพื่อขับเอาสิ่งที่ขวางทางเดินหายใจออกไป เช่นสิ่งแปลกปลอม เสมหะ เศษอาหาร หรือแม้กระทั่งเศษหญ้า เศษดิน ที่ติดอยู่ในช่องปากหลังจากการดมสำรวจ อย่างไรก็ดี อาการไอในสุนัขอาจไม่ได้เกิดจากความพยายามในการขับสิ่งแปลกปลอมอย่างเดียว แต่อาจมาจากสาเหตุที่หลากหลาย ดังนี้
1. โรคหลอดลมอักเสบติดต่อของสุนัข
โรคหลอดลมอักเสบติดต่อของสุนัขคือหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้น้องหมาไอ มักทำให้มีอาการไอแห้ง ๆ คล้ายกับมีอะไรติดคอน้องหมาอยู่โดยไม่มีอาการอื่นร่วมด้วย โรคนี้สามารถติดต่อจากสุนัขตัวอื่นได้ง่ายมาก ซึ่งหากมีแค่อาการไอแห้ง ๆ โดยไม่มีอาการป่วยอื่นก็ให้เจ้าของสบายใจได้ เพราะโรคนี้สามารถรักษาให้หายได้ภายในไม่กี่สัปดาห์ และสามารถป้องกันได้ง่าย ๆ ผ่านการฉีดวัคซีนให้น้องหมา
2. โรคเกี่ยวกับปอดหรือระบบทางเดินหายใจ
เช่นเดียวกับคน สุนัขสามารถป่วยด้วยโรคหลอดลมอักเสบ ปอดบวม และอาการติดเชื้อในทางเดินหายใจ ซึ่งเป็นอาการที่เกิดขึ้นได้หากน้องหมาติดไข้หวัดใหญ่สุนัข โดยอาการอื่น ๆ อาจมีการหายใจลำบาก หายใจวี้ด ๆ และสำลักหลังจากไอ โดยสัตวแพทย์จะสามารถวินิจฉัยและรักษาอาการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจได้อย่างรวดเร็วหากนำไปส่งถึงมือคุณหมอได้ทันเวลา นอกจากนี้การไอแบบเรื้อรังก็อาจเป็นอาการหนึ่งของโรคมะเร็งปอด แต่ก็ไม่ได้พบได้บ่อย
3. โรคหลอดลมตีบ
หลอดลมตีบเป็นอาการเรื้อรัง รุนแรงที่ทำให้หลอดลมของสุนัขนุ่มและแบนลง ทำให้ขวางทางเดินหายใจของสุนัขจนเกิดอาการไอ อาการนี้พบได้บ่อยในสุนัขพันธุ์เล็กหรือพันธุ์ตุ๊กตา
4. โรคหวัดในสุนัข
หวัดในสุนัขเป็นอีกโรคที่พบได้บ่อย เนื่องจากติดต่อได้ง่าย พบได้ตลอดทั้งปีโดยเฉพาะในช่วงเปลี่ยนฤดูกาล น้องหมาจะมีอาการไอ (ทั้งไอแห้งๆและไอแบบมีเสมหะ) น้ำมูกไหล จาม หรือในบางเคสอาจรุนแรงถึงขั้นปอดบวม หายใจลำบาก และเสียชีวิต
5. โรคหัวใจ
เพื่อนซี้สี่ขาของเราอาจป่วยด้วยโรคหัวใจ หรืออาการอื่น ๆ เกี่ยวกับหัวใจเช่นเดียวกับเรา ๆ ซึ่งกล้ามเนื้อหัวใจที่อ่อนแรงอาจไปสร้างแรงกดดันให้กับปอดและทางเดินหายใจ โดยอาการไอที่เกิดจากปัญหาด้านหัวใจในสุนัขมักพบอาการอ่อนเพลีย หายใจถี่ หายใจลำบาก น้ำหนักเปลี่ยน รวมไปถึงล้มทั้งยืน
6. โรคภูมิแพ้
สุนัขมีอาการแพ้ได้เช่นเดียวกับคน ไม่ว่าจะเป็นแพ้ฝุ่น ละอองเกสร ควันบุหรี่ ฯลฯ ที่ระบบภูมิคุ้มกันของสุนัขต่อต้านมัน อย่างเช่นหากสุนัขที่แพ้ฝุ่น เผลอทานอะไรที่มีฝุ่นเข้าไป พวกเขาอาจไอเพื่อให้สิ่งแปลกปลอมนั้นออกมาจากร่างกายโดยเร็ว
ที่ JOMO เราเลือกวัตถุดิบอาหารและขนมสุนัขชั้นดี เกรดนำเข้า อุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็น ใช้โปรตีนหลักจากเนื้อแกะออสเตรเลีย ไร้ By-product ที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ในสุนัข ลดความเสี่ยงในการเกิดโรค สั่งซื้อสุขภาพที่ดีให้สุนัขวันนี้ ส่งฟรีทั่วประเทศไทย
7. การติดเชื้อรา
เกิดจากการสัมผัสกับยีสต์หรือเชื้อราในดิน น้ำนิ่ง หรือทางอากาศ ซึ่งสุนัขอาจมีอาการไอควบคู่กับอาการไข้สูง ซึ่งต้องพบสัตวแพทย์เพื่อทำการรักษาต่อไป
8. พยาธิในปอด
พยาธิในปอดคือปรสิตชนิดหนึ่งที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตหากไม่ได้รับการรักษา โดยสุนัขจะได้รับพยาธิชนิดนี้ผ่านการกินทากและหอยทาก ดังนั้นควรระวังให้ดีไม่ให้น้องหมาไปกินมันเมื่อพาพวกเขาไปเดินเล่น โดยพยาธิชนิดนี้อาศัยอยู่ในหัวใจและหลอดเลือดของโฮสต์ ซึ่งจะทำให้เกิดอาการไม่อยากออกกำลังกาย น้ำหนักลด เลือดไหล และหายใจลำบาก
9. พยาธิหนอนหัวใจ
นับเป็นโรคที่อันตรายถึงชีวิต โดยแพร่ผ่านยุง ซึ่งทำให้เกิดอาการอย่างไอ น้ำหนักลด และเพลียง่าย ใกล้เคียงกับอาการของพยาธิในปอด จึงแนะนำให้สอบถามสัตวแพทย์หากกังวลถึงอาการเหล่านี้
10. โรคหัดสุนัข
หัดสุนัขเป็นอีกโรคหนึ่งที่อันตรายถึงชีวิตของน้องหมา โดยสามารถติดต่อได้ทางอากาศ ซึ่งอาการนอกจากไอแล้ว ยังมีอาการไข้ อ่อนเพลีย ไม่สบาย รวมไปถึงท้องเสีย
อาการไอในสุนัขมีกี่แบบ?
อาการไอในสุนัขมีหลากหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นไอแห้ง ไอเป็นเลือด ไอแบบมีเสมหะ ฯลฯ ซึ่งอาจไม่สามารถบอกสาเหตุของการไอได้ทันที สิ่งที่เจ้าของควรทำคือจดจำ หรือถ่ายคลิปลักษณะการไอของน้องหมา ให้สัตวแพทย์ทำการวินิจฉัยต่อไป
ไอแห้ง
สุนัขจะไอแห้ง ๆ เหมือนพยายามขับอะไรบางอย่างออกมาจากลำคอหรือปาก จะมีเสียงแหบแห้ง ซึ่งมักเป็นอาการของโรคหลอดลมอักเสบติดต่อของสุนัข อาการติดเชื้อระบบหายใจส่วนบน ซึ่งมักติดต่อจากการไปพบปะกับสุนัขตัวอื่น
เสียงไอเหมือนเสียงห่าน
เสียงไอแห้ง ๆ แต่ต่ำเหมือนเสียงห่าน เป็นอีกอาการหนึ่งของโรคหลอดลมอักเสบติดต่อของสุนัข ที่อาจเกิดได้ทั้งจากแบคทีเรียและไวรัส หรือไม่ก็อาจเป็นอาการของโรคหลอดลมตีบ
ไอแบบมีเสมหะ
อาการไอแบบมีเสมหะ มักเกิดจากโรคหวัดในสุนัข หรือปอดบวม หากสุนัขมีเสียงเหมือนพยายามกลั้วคอ หรือขากเสมหะ นี่เป็นสัญญาณว่าสุนัขมีความผิดปกติในทางเดินหายใจส่วนล่าง ควรปรึกษาสัตวแพทย์ทันที
ไอเสียงแหลม
หากสุนัขไอแบบเสียงแหลม เหมือนกับกำลังมีอะไรติดคอ อาจเป็นอาการเจ็บคอ อาการระคายเคืองทางเดินหายใจส่วนบน หรือเกิดจากมีอะไรขวางทางเดินหายใจ
ไอเฉพาะตอนกลางคืน
หากสุนัขไอเฉพาะตอนกลางคืนในขณะนอนหลับ นั่นอาจหมายถึงโรคร้ายแรงที่กำลังเกิดกับน้องหมา ให้แจ้งสัตวแพทย์ทันที
ไอเป็นเลือด
ก่อนอื่นให้เจ้าของสังเกตว่าเลือดที่สุนัขไอออกมานั้นเป็นสีอะไร เป็นสีเลือดสด ๆ หรือเลือดสีแดงเข้ม การไอออกมาเป็นเลือดสด ๆ นั้นอาจหมายถึงปัญหากรดเกินในกระเพาะ หรือการได้รับสารพิษเข้าสู่ร่างกาย แต่หากเลือดเป็นสีแดงเข้ม นั่นแปลว่าเลือดคาอยู่ในร่างกายเป็นเวลานาน อาจหมายถึงแผลในกระเพาะ และถ้าสุนัขไอเป็นเลือดหรืออาเจียนเป็นเลือดบ่อย ๆ ให้ปรึกษาสัตวแพทย์ทันที
ไอเป็นโฟมสีขาว
การไอเป็นโฟมสีขาวอาจเป็นสัญญาณของโรคหลอดลมอักเสบติดต่อของสุนัข ท้องอืด หรือการไม่สบายท้องต่าง ๆ ซึ่งสองอาการหลังที่เกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารนับเป็นโรคที่อันตราย หากพบควรปรึกษาสัตวแพทย์ทันที
สุนัขไอต้องทำอย่างไร?
เมื่อสุนัขไอ ไม่ว่าจะไอแบบเบา ๆ ที่ดูไม่เป็นอันตราย หรือไอเสียงดังจนน่าตกใจ เจ้าของก็ควรตั้งสติแล้วจัดการดังนี้
- ประเมินว่าอาการไอของน้องหมาเป็นอาการฉุกเฉินหรือไม่
- หาว่าอะไรคือสาเหตุของการไอ หากเป็นสิ่งของติดคอก็ควรนำออกโดยเร็ว
- จดจำอาการอย่างละเอียดเพื่อแจ้งสัตวแพทย์
นอกจากนี้คุณยังสามารถช่วยให้สัตวแพทย์ทำงานง่ายขึ้นด้วยการจดจำความถี่ของการไอ และช่วงเวลาที่เกิดขึ้น ตัวอย่างเช่นสุนัขไอบ่อยในช่วงกลางคืน ไอเมื่อนอนในท่าใดท่าหนึ่ง หรือมักไอหลังออกกำลังกาย เป็นต้น
การวินิจฉัยเมื่อสุนัขไอ
เมื่อนำไปพบสัตวแพทย์ คุณหมอจะทำการตรวจวินิจฉัยถึงอาการของน้องหมาอย่างถี่ถ้วนเพื่อหาสาเหตุของโรค ซึ่งสัตวแพทย์จะถามเจ้าของดังนี้
- เสียงไอเป็นอย่างไร
- อาการไอเกิดขึ้นตอนไหน
- สุนัขได้รับวัคซีนและยาถ่ายพยาธิครบถ้วนหรือไม่
- สุนัขได้พบปะกับสุนัขตัวอื่นหรือไม่ ได้ไปที่อื่นนอกจากบ้านบ้างหรือเปล่า
หลังจากนั้นจะทำการตรวจวินิจฉัย ดังนี้
- อาการที่เป็น ความผิดปกติที่พบ
- ประวัติการรักษา
- ตรวจร่างกาย
- การตรวจทางการแพทย์อื่น ๆ
โดยสัตวแพทย์จะทำการฟังเสียงหัวใจและปอด อาจมีการตรวจเลือดเพื่อหาอาการติดเชื้อต่าง ๆ และจะมีการเอกซเรย์ช่วงคอและอก หลังจากนั้นก็จะทำการรักษาต่อไป
วิธีการรักษาสุนัขไอ
หลังจากทราบแล้วว่าอาการไอเกิดจากโรคอะไร จะมีการรักษาดังนี้
วิธีการรักษาสุนัขไอด้วยยา
สัตวแพทย์อาจมีการจ่ายยาแก้ไอเพื่อให้สุนัขสบายตัวมากขึ้น นอกจากนี้ยังอาจมีการจ่ายยาอื่น ๆ เช่นยาปฏิชีวนะ และยาอื่น ๆ ขึ้นอยู่กับโรคที่เป็น
วิธีการรักษาอาการสุนัขไอที่บ้าน
หากเป็นโรคที่ไม่รุนแรง ก็สามารถกลับมาพักรักษาตัวที่บ้านได้ โดยเจ้าของต้องเตรียมน้ำให้น้องหมาเยอะ ๆ และจัดที่เงียบ ๆ อบอุ่น เพื่อให้ได้พักผ่อน อาจเปิดเครื่องทำความชื้นเพื่อให้น้องหมาหายใจได้สะดวกขึ้น และลดอาการระคายเคืองในระบบทางเดินหายใจ หรืออาจพาเข้าห้องน้ำที่มีควันจากการอาบน้ำเพื่อให้ไอร้อนช่วยรักษาน้องหมา นอกจากนี้ยังควรปลดหรือคลายปลอกคอในช่วงที่พวกเขายังมีอาการไอ เพราะอาจทำให้ระคายเคืองกว่าเดิม
สรุปอาการไอในสุนัข
มีสาเหตุมากมายที่ทำให้สุนัขไอ ไม่ว่าจะเป็นสาเหตุเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ อาการป่วย สิ่งของติดคอ ฯลฯ เช่น โรคหลอดลมอักเสบติดต่อของสุนัข โรคเกี่ยวกับปอดหรือระบบทางเดินหายใจ โรคหลอดลมตีบ โรคหวัดในสุนัข โรคหัวใจ โรคภูมิแพ้ การติดเชื้อรา พยาธิในปอด พยาธิหนอนหัวใจ โรคหัดสุนัข ซึ่งอาการไอก็มีหลายแบบ โดยเจ้าของควรจดจำหรือถ่ายคลิปไปให้สัตวแพทย์วินิจฉัย คือ ไอแห้ง ไอเหมือนเสียงห่าง ไอแบบมีเสมหะ ไอเสียงแหลม ไอเฉพาะตอนกลางคืน ไอเป็นเลือด ไอเป็นโฟมสีขาว โดยเมื่อสุนัขไอ ให้ประเมินอาการ หาสาเหตุของการไอ และจดจำอาการเอาไว้ ซึ่งสัตวแพทย์จะใช้ข้อมูลจากเจ้าของมาวินิจฉัยสาเหตุของอาการไอ รวมไปถึงการตรวจร่างกาย และตรวจทางแล็บ หลังจากนั้นจะทำการรักษาด้วยยา และด้วยการรักษาที่บ้าน ซึ่งเน้นให้สุนัขได้พักผ่อน และอาจมีการใช้ความชื้น (เครื่องทำความชื้น/ไอจากการอาบน้ำ)มาช่วยให้น้องหมาอาการดีขึ้น
ให้ JOMO ได้ดูแลสุขภาพสุนัขของคุณ อาหารสุนัขเกรดพรีเมียม JOMO ใช้แหล่งโปรตีนหลักมาจากเนื้อแกะออสเตรเลีย โปรตีนสูงถึง 23% ทำให้ได้โภชนาการที่มากกว่า ไม่มีส่วนผสมของ By-product ทำให้น้องหมาสุขภาพแข็งแรง ร่าเริง และยังช่วยลดความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอาการแพ้ และโรคต่าง ๆ เช่นโรคกระดูกพรุน โรคอ้วน และโรคหัวใจ สั่งซื้อวันนี้ ส่งฟรีทั่วไทย
ทำอย่างไรหากสุนัขไอเรื้อรัง?
หากอาการไอในสุนัขนั้นเกิดขึ้นบ่อยครั้งจนเป็นอาการเรื้อรัง เจ้าของควรจดอาการ จำนวนครั้ง ช่วงเวลาที่เกิด ฯลฯ และปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อให้คุณหมอวินิจฉัยว่าอาการผิดปกตินั้นเกิดจากอะไร
สุนัขไอเป็นเลือดทำอย่างไร?
ให้เจ้าของสังเกตว่าเป็นการไอสีเลือดสด ๆ ซึ่งหมายถึงปัญหากรดเกินในกระเพาะ การได้รับสารพิษ ส่วนสีแดงเข้มหมายถึงปัญหานี้เกิดมานานแล้ว อาจเกิดจากแผลในกระเพาะ โดยให้ปรึกษาสัตวแพทย์ทันที
สุนัขไอเป็นโฟมสีขาวอันตรายหรือเปล่า?
การไอเป็นโฟมสีขาวอาจเป็นสัญญาณของโรคหลอดลมอักเสบติดต่อของสุนัข ท้องอืด หรือการไม่สบายท้องต่าง ๆ ซึ่งสองอาการหลังที่เกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารนับเป็นโรคที่อันตรายมาก