ตรวจสุขภาพสุนัขจำเป็นไหม ที่ไหนดี? อ่านก่อนตัดสินใจ (2565)

เมื่อสุนัขอายุมากขึ้น เพิ่งผ่านการรักษาโรคต่าง ๆ หรือมีโรคประจำตัว แน่นอนว่าเจ้าของก็อยากจะตรวจสุขภาพสุนัขเพื่อให้มั่นใจว่าน้องหมาสุดที่รักไม่ได้มีอาการอื่นเพิ่มเติม และอาการที่เคยเป็นไม่ได้ย้อนกลับมา ซึ่งก่อนที่จะเสียเงินตรวจสุขภาพสุนัข เราก็อยากให้ทุกคนได้อ่านบทความนี้เพื่อประกอบการตัดสินใจว่าควรจะตรวจสุขภาพเรื่องไหนบ้าง 

สัตวแพทย์จับใบหน้าของสุนัขสีน้ำตาล
Photo by Mikhail Nilov from Pexels

ต้องตรวจสุขภาพสุนัขบ่อยแค่ไหน?

การตรวจสุขภาพสุนัขจะเกิดขึ้นในสุนัขที่สุขภาพดี หรือไม่มีอาการผิดปกติ โดยจะมีการตรวจสุขภาพทุก 6-12 เดือน เพื่อให้มั่นใจว่าน้องหมาไม่ได้มีโรคต่าง ๆ เกิดขึ้น สำหรับลูกสุนัขแนะนำให้ตรวจทุกเดือน อาจทำการตรวจไปพร้อม ๆ กับการทำวัคซีน ส่วนในสุนัขวัยรุ่น และวัยผู้ใหญ่ สามารถตรวจได้ทุก ๆ ปี และในสุนัขสูงวัย ควรตรวจทุก ๆ 6 เดือน ซึ่งสุนัขแต่ตัวก็จะมีช่วงแก่ที่แตกต่างกันไปตามขนาดและพันธุ์ สามารถให้สัตวแพทย์แนะนำช่วงเวลาที่เหมาะสมได้

ทำไมถึงควรตรวจสุขภาพสุนัข?

เนื่องจากน้องหมาพูดไม่ได้ ทำให้พวกเขาไม่สามารถสะกิดบอกเราได้ว่ากำลังเจ็บป่วย ยิ่งบวกกับสัญชาตญาณที่พวกเขาจะปิดบังอาการป่วยไว้ให้ได้นานที่สุดจนกว่าจะแสดงออกทางร่างกาย ทำให้ควรพาไปตรวจสุขภาพเป็นประจำ ทั้งนี้สัตวแพทย์จะช่วยชี้ได้ว่าน้องหมาอาจจะกำลังป่วย นอกจากนี้การตรวจพบโรคไวขึ้นก็ทำให้มีโอกาสรักษาหายได้มากกว่า ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการรักษา และช่วยให้น้องหมาอายุยืน อยู่กับเราได้นาน ๆ 

5 รายละเอียด การตรวจสุขภาพสุนัขตรวจอะไรบ้าง?

การตรวจสุขภาพน้องหมาประกอบไปด้วยการซักประวัติ สอบถามถึงพฤติกรรมของน้องหมา ตรวจร่างกาย ตรวจเลือด เอกซเรย์ ตรวจปัสสาวะ และอื่น ๆ ตามอายุและประวัติ ดังนี้

1. ตรวจร่างกายน้องหมา

สัตวแพทย์จะทำการตรวจร่างกายภายนอกและสังเกตอาการดังนี้

  • ท่าเดินและยืนของสุนัข
  • สุนัขมีอาการปกติ หรือซึม
  • สุนัขมีน้ำหนัก และสภาพร่างกายที่ปกติหรือไม่
  • สภาพมวลกล้ามเนื้อของสุนัข
  • สภาพขน ตรวจดูจุดที่แห้งเป็นพิเศษ ความมันเป็นพิเศษ รังแค ขนที่ร่วง และจุดที่ขนร่วงเป็นพิเศษ
  • ผิวหนัง จุดที่มัน แห้ง รังแค ตุ่ม หูด บริเวณที่แข็ง ฯลฯ
  • ดวงตา ตรวจดูอาการตาแดง การเปิด-ปิดดวงตา สารคัดหลั่ง น้ำตาไหลผิดปกติ ตุ่มหรือหูดบนเปลือกตา ตาขุ่น ฯลฯ
  • หู ตรวจดูสารคัดหลั่งที่ออกจากหู ผิวหนังแข็ง ขนร่วง ฯลฯ
  • จมูกและหน้า ดูความสมดุล การหายใจ และอาการบนผิวหนังอื่น ๆ 
  • ปากและฟัน ตรวจดูหินปูน อาการด้านช่องปาก ฟันน้ำนมที่ยังไม่หลุด ฟันหัก อาการมีน้ำลายมากผิดปกติ แผลต่าง ๆ 
  • ตรวจดูเห็บตามร่างกาย และหากพบคุณหมอจะสั่งให้ฉีดวัคซีนเพื่อป้องกัน

2. ฟังเสียงอวัยวะภายใน

สัตวแพทย์จะใช้หูฟังฟังสิ่งที่เกิดขึ้นภายในร่างกายสุนัข ดังนี้

  • ฟังเสียงหัวใจ ตรวจว่าจังหวะการเต้นของหัวใจ ดูอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือเต้นเร็วไป เสียงฟู่ของหัวใจ และอื่น ๆ
  • ฟังเสียงปอด หาเสียงหายใจที่ผิดปกติ

3. คลำสำรวจอาการ

หลังจากตรวจร่างกายภายนอกและฟังเสียงผ่านหูฟังแล้ว คุณหมอจะทำการคลำเพื่อสำรวจอาการต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นตามร่างกาย

  • จังหวะการเต้นของหัวใจ โดยนอกจากใช้หูฟังฟังเสียงแล้ว สัตวแพทย์ยังอาจจะใช้มือคลำเพื่อสัมผัสชีพจรที่ขาของสุนัข
  • ต่อมน้ำเหลืองบริเวณศีรษะ คอ และขาหลัง ตรวจดูว่ามีอาการเจ็บหรือบวมหรือไม่
  • ขา ตรวจหาอาการกะเผลก ปัญหากล้ามเนื้อ ปัญหาเส้นประสาท แผลบริเวณอุ้งเท้าและเล็บเท้า
  • หน้าท้อง สัมผัสบริเวณกระเพาะปัสสาวะ ไต ตับ ลำไส้ ม้าม และท้องเพื่อประเมินว่าอวัยวะเหล่านี้มีอาการผิดปกติหรือไม่ หรือมีสัญญาณของความเจ็บป่วยด้วยหรือเปล่า

4. ตรวจวิเคราะห์ตัวอย่าง

อาการหลาย ๆ อย่างไม่สามารถบอกได้ด้วยการตรวจภายนอก จำเป็นต้องทำผ่านการตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ และตรวจอุจจาระ โดยสามารถตรวจตัวอย่างได้ดังนี้

ตรวจวิเคราะห์อุจจาระ

สัตวแพทย์อาจแนะนำให้เก็บตัวอย่างอุจจาระใหม่มาด้วย โดยจะมีการตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์เพื่อหาไข่ปรสิต สำหรับลูกสุนัขจะแนะนำให้ทำการตรวจทุกเดือนเนื่องจากลูกสุนัขอาจมีปรสิตภายใน 

ตรวจเลือด

การตรวจเลือดนั้นสามารถช่วยให้คุณหมอทราบว่าน้องหมากำลังมีอาการของโรคใด หรือมีภาวะอะไรเกิดขึ้นบ้าง โดยสามารถเจาะเลือดเพื่อนำไปตรวจหาพยาธิหนอนหัวใจ ความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด ค่าชีวเคมีในเลือด เช่นระดับน้ำตาลในเลือด ค่าตับ ค่าไต ฯลฯ 

การตรวจอื่น ๆ 

การตรวจปัสสาวะ ซึ่งนอกจากจะให้เจ้าของรองฉี่ของน้องหมาไว้ ก็ยังสามารถเจาะเพื่อเก็บจากช่องท้องและสวนท่อปัสสาวะได้เช่นกัน นอกจากนี้ยังมีการตรวจฮอร์โมนไทรอยด์ของสุนัข

5. เอกซเรย์ปอดและช่องท้อง

เป็นการตรวจที่แนะนำสำหรับสุนัขสูงวัย โดยจะมีการเอกซเรย์ช่องปอดและช่องท้องเพื่อประเมินอวัยวะภายในอย่างหัวใจ ปอด ไต ตับ รวมถึงกระดูกเพื่อดูการเปลี่ยนแปลงในกระดูกและข้อ

คนใส่เสื้อสีฟ้ากำลังกอดสุนัขสีน้ำตาล
Photo by Mikhail Nilov from Pexels

เตรียมตัวพาน้องหมาไปตรวจสุขภาพ

ก่อนพาน้องหมาไปทำการตรวจสุขภาพ ก็ควรสอบถามคุณหมอให้เรียบร้อยถึงสิ่งที่ต้องเตรียมตัว ดังนี้

เตรียมตัวน้องหมา และเก็บตัวอย่าง

สอบถามคุณหมอถึงการงดน้ำ งดอาหาร เนื่องจากการตรวจบางชนิดต้องการผลที่แม่นยำ นอกจากนี้หากมีการตรวจวิเคราะห์อุจจาระหรือปัสสาวะ ก็ควรเก็บตัวอย่างตามที่สัตวแพทย์แนะนำด้วย

เตรียมข้อมูลเพื่อตอบคุณหมอ

เพื่อการตรวจสุขภาพที่ได้ประสิทธิภาพ เจ้าของควรทราบรายละเอียดเกี่ยวกับน้องหมาเช่น อาหารที่ทาน ทานอาหารสุนัขอย่างเดียวหรือกินของเหลือของคน อาหารเสริมที่ทาน ปัญหาสุขภาพที่พบ ถ้าเป็นไปได้ก็ควรจดอาการผิดปกติที่พบในช่วงเวลาก่อนพบสัตวแพทย์ เช่นเบื่ออาหาร ปัญหาการเดิน หอบหายใจ เห่า หอน ผิดปกติ อาเจียน เงียบและซึมผิดปกติ เป็นต้น

ตรวจสุขภาพสุนัขที่ไหนดี?

อ่านมาถึงตรงนี้เชื่อว่าเจ้าของหลาย ๆ คนก็อยากพาน้องหมาแสนรักไปตรวจสุขภาพกันบ้างเพื่อความมั่นใจ ซึ่งแพ็กเกจตรวจสุขภาพสุนัขในไทยก็มีให้เลือกมากมาย อย่างเช่น

ตรวจสุขภาพสุนัขที่โรงพยาบาลสัตว์ ทองหล่อ

ราคา 1,995-3,995 บาท รวมค่าบริการทางการแพทย์ และค่าบริการโรงพยาบาลแล้ว

โปรแกรมตรวจสุขภาพสุนัขของโรงพยาบาลสัตว์ ทองหล่อ จะแบ่งเป็นสำหรับสุนัขอายุต่ำกว่า 5 ปี (1,995 บาท) และอายุมากกว่า 5 ปี (3,995 บาท) โดยจะมีการตรวจร่างกายโดยแพทย์ ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือดและเกล็ดเลือด ตรวจพยาธิในเม็ดเลือด ฯลฯ ซึ่งสำหรับสุนัขอายุมากกว่า 5 ปีก็มีการที่เพิ่มเข้ามาอย่างการตรวจระดับน้ำตาลในเลือด การตรวจวัดระดับเอนไซม์อะไมเลส (Amylase) การตรวจวัดระดับอิเลคโทรไลต์ในเลือด (โซเดียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส แคลเซียม) ตรวจวัดระดับ บิลลิรูบินในเลือด และการเอกซเรย์ปอดและหัวใจ

ตรวจสุขภาพสุนัขที่โรงพยาบาลสัตว์ตลิ่งชัน

ราคา 2,159-5,159 บาท บวกค่าบริการทางการแพทย์ 180 บาท (หลังสามทุ่ม 280 บาท)

โปรแกรมตรวจสุขภาพของโรงพยาบาลสัตว์ตลิ่งชัน มี 3 แพ็กเกจ สำหรับสุนัขอายุต่ำกว่า 1 ปี ตรวจ 20 รายการ (2,159 บาท), 1-5 ปี 24 รายการ (4,159 บาท) และ 5 ปีขึ้นไป 38 รายการ (5,159 บาท) โดยจะมีการตรวจเพิ่มมากขึ้นตามช่วงอายุ แต่หลัก ๆ จะมีการตรวจความสมบูรณ์ของร่างกาย ตรวจพยาธิในเม็ดเลือด ตรวจนับเม็ดเลือด ตรวจเลือด สำหรับอายุ 1-5 ปีจะมีการตรวจปัสสาวะ เอกซเรย์ และตรวจไทรอยด์ ส่วนอายุ 5 ปีขึ้นไปจะเป็นการตรวจเลือดอย่างละเอียดนับสิบรายการที่เพิ่มเข้ามา

ตรวจสุขภาพสุนัขที่โรงพยาบาลสัตว์ไอเว็ท

ราคา 1,999-3,999 บาท

โปรแกรมตรวจสุขภาพของโรงพยาบาลสัตว์ไอเว็ท แบ่งเป็นแพ็กเกจตามความต้องการในการตรวจ โดยแพ็กเกจหลัก Standard (1,999 บาท) จะมีการตรวจทั่วไป 11 รายการ เช่น ตรวจสุขภาพโดยแพทย์ ตรวจพยาธิเม็ดเลือด ตรวจความเสี่ยงของโรคเบาหวาน โดยแพ็กเกจ Gold (2,499 บาท) จะมีเพิ่มการตรวจไขมันส่วนเกิน ทำวัคซีนรวม 6 โรค และวัดความดันโลหิต ส่วนแพ็กเกจ Platinum (3,999 บาท) จะมีการตรวจพยาธิหนอนหัวใจ และการเอกซเรย์ช่องอก/ตรวจวัดคลื่นหัวใจ

ตรวจสุขภาพสุนัขที่โรงพยาบาลสัตวแพทย์ 4

ราคา 1,800-4,800 บาท (สำหรับสุนัขพันธุ์ใหญ่หรือมีน้ำหนักมากกว่า 10 กิโลกรัม มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม 1,000 บาท)

โปรแกรมตรวจสุขภาพของโรงพยาบาลสัตวแพทย์ 4 มีให้เลือกตามอายุ แบ่งเป็น ลูกสุนัข อายุต่ำกว่า 1 ปี (1,800 บาท) ลูกสุนัข อายุ 1 ปีขึ้นไป (2,300 บาท) สุนัขโตเต็มวัย อายุต่ำกว่า 7 ปี (3,600 บาท) และสุนัขสูงวัย อายุมากกว่า 7 ปี (4,800 บาท) โดยประกอบไปด้วยการตรวจร่างกายโดยแพทย์ ตรวจเลือด ตรวจพยาธิเม็ดเลือดและพยาธิหนอนหัวใจ สำหรับลูกสุนัขอายุมากกว่า 1 ปีจะเพิ่มการตรวจค่าตับไตชุดเล็ก และสำหรับสุนัขโตเต็มวัย อายุต่ำกว่า 7 ปี จะเพิ่มการเอกซเรย์ช่องอก ช่องท้อง ส่วนสุนัขสูงวัยจะมีทั้งหมดที่กล่าวมายกเว้นตรวจค่าตับไตชุดเล็ก

ราคาและแพ็กเกจอาจมีการเปลี่ยนแปลง โปรดสอบถามกับโรงพยาบาลโดยตรง

เคล็ดลับการดูแลสุขภาพน้องหมา

แน่นอนว่าไม่มีเจ้าของคนไหนอยากเห็นสุนัขต้องมาทรมานจากอาการเจ็บป่วย โดยเฉพาะในวัยบั้นปลายของชีวิต ซึ่งหากอยากให้สุนัขมีสุขภาพดีอยู่ตลอด เรามีเคล็ดลับดังนี้

พบสัตวแพทย์เป็นประจำ

การพบสัตวแพทย์เป็นประจำ รวมถึงการได้รับวัคซีน ยากำจัดเห็บหมัด ยาถ่ายพยาธิ ฯลฯ อย่างต่อเรื่อง ก็จะช่วยให้น้องหมาห่างไกลโรคฮิตของสุนัขได้ นอกจากนี้การพบคุณหมอเป็นประจำก็จะทำให้มีโอกาสตรวจพบอาการผิดปกติต่าง ๆ ได้ไวขึ้น

ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

การออกกำลังกายจะให้น้องหมากระฉับกระเฉง ห่างไกลโรคอ้วน ไม่เครียดจากการอยู่ในที่แคบนานเกินไป และยังมีความสัมพันธ์อันดีกับเจ้าของ 

ทานอาหารที่ดีในปริมาณที่เหมาะสม

เจ้าของสามารถปรึกษาสัตวแพทย์สำหรับปริมาณอาหารที่เหมาะสมให้การให้สุนัขตามช่วงวัยและตามการออกกำลังกาย แต่เมื่อสุนัขเริ่มสูงวัย เราควรเลือกอาหารหมาแก่ที่มีไฟเบอร์สูง ดีกับกระดูกและข้อ ลดโซเดียม และเพิ่มวิตามิน รวมถึงสารอาหารเพื่อบำรุง

เลือก JOMO [โจโม่] อาหารสุนัขเกรดพรีเมียมให้ดูแลสุขภาพสุนัขของคุณตั้งแต่อายุ 1 ปี จวบจนวัยชรา เพราะเราให้ความสำคัญกับเรื่องของอาหารเป็นพิเศษ คัดสรรวัตถุดิบที่ดีเหมาะกับสุนัขที่แพ้เนื้อไก่ไม่ใช้วัตถุดิบที่ได้จาก by-product และยังเสริมวิตามินและสารอาหารที่จำเป็นในการเสริมสร้างผิวหนังให้แข็งแรงอีกด้วย มีพรีไบโอติกส์ ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในทุกช่วงวัย สั่งซื้อวันนี้ ส่งฟรีทั่วไทย

สรุปเรื่องตรวจสุขภาพสุนัข

การตรวจสุขภาพสุนัขนั้นคือการตรวจในขณะที่สุนัขมีสุขภาพดีเพื่อให้มั่นใจว่าไม่ได้มีโรคต่าง ๆ เกิดขึ้นกับสุนัข โดยสำหรับลูกสุนัขให้ตรวจสุขภาพทุกเดือน สุนัขวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่ตรวจทุกปี และสำหรับสุนัขสูงวัยให้ตรวจทุก 6 เดือน สาเหตุที่ควรตรวจสุขภาพสุนัขเนื่องจากน้องหมาไม่สามารถบอกเราได้ว่ากำลังป่วย และด้วยสัญชาตญาณพวกเขาจะปิดบังอาการป่วยไว้จนกว่าจะแสดงออกทางร่างกาย โดยการตรวจสุขภาพจะทำให้เราเจอโรคตั้งแต่เนิ่น ๆ สามารถรักษาได้ทันและช่วยลดค่าใช้จ่ายในการรักษา ซึ่งการตรวจสุขภาพสุนัขก็ประกอบด้วยหลายอย่างตั้งแต่ซักประวัติ ตรวจร่างกาย ฟังเสียงอวัยวะภายใน คลำสำรวจอาการ และตรวจวิเคราะห์ตัวอย่าง ซึ่งมีตั้งแต่วิเคราะห์อุจจาระ เลือด ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีการเอกซเรย์ปอดและช่องท้องด้วย ซึ่งก่อนไปตรวจสุขภาพเจ้าของก็ควรเตรียมตัวน้องหมาตามที่สัตวแพทย์แนะนำ ด้วยการเก็บตัวอย่างอุจจาระ ปัสสาวะ และเตรียมข้อมูลด้านสุขภาพไปตอบคุณหมอ โดยสามารถดูแลน้องหมาให้มีสุขภาพดีได้ด้วยการพบสัตวแพทย์เป็นประจำ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และทานอาหารที่ดีในปริมาณที่เหมาะสม 

เลือกอาหารสุนัขสูตรพรีเมียม JOMO ให้ดูแลสุขภาพสุนัขของคุณในทุกช่วงวัย ด้วยโปรตีนสูง 23% จากเนื้อแกะออสเตรเลีย บำรุงผิวและขนสุนัขให้เงางามสุขภาพดี ลดกลิ่นตัว อุจจาระ และคราบน้ำตา เม็ดเล็กทานง่ายทุกสายพันธุ์ ปราศจากส่วนผสมของเนื้อไก่ สัตว์ปีก By-Product และข้าวโพด นอกจากนี้ ยังมีส่วนช่วยเสริมพัฒนาการทางสมอง และการทำงานของระบบประสาท ส่งฟรีทั่วไทย และมีบริการส่งด่วนในกทม.

สุนัขต้องตรวจสุขภาพหรือเปล่า?

สุนัขต้องตรวจสุขภาพเนื่องจากพวกเขาไม่สามารถบอกเราได้หากมีอาการเจ็บปวด หรือไม่สบาย โดยการตรวจพบโรคไวขึ้นก็ทำให้มีโอกาสรักษาหายได้มากกว่า ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการรักษา และช่วยให้น้องหมาอายุยืน อยู่กับเราได้นาน ๆ 

ตรวจสุขภาพสุนัขแพงไหม

ราคาการตรวจสุขภาพสุนัขในไทยราคาเริ่มต้นประมาณ 1,000 บาท ขึ้นอยู่กับโปรแกรมการตรวจ โดยหากมีการเอกซเรย์ก็จะยิ่งแพงขึ้น นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับอายุของสุนัข และขนาดของสุนัข

หมาอายุเท่าไหร่ถึงต้องตรวจสุขภาพ

สุนัขควรตรวจสุขภาพตั้งแต่เป็นลูกสุนัข โดยควรตรวจทุก ๆ 1 เดือนเพื่อให้มั่นใจว่าน้องหมาสุขภาพแข็งแรง โดยเมื่อเข้าสู่วัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่ก็สามารถตรวจทุก ๆ ปี และเมื่อเข้าสู่วัยชราให้ตรวจสุขภาพทุก 6 เดือน