โรคบิดในสุนัข เป็นหนึ่งในอาการที่พบได้ทั่วไป มีความรุนแรงที่เล็กน้อยไปจนถึงทำให้สุนัขเสียชีวิตขึ้นได้ หลายครั้งที่เจ้าของอาจยังไม่ทราบและไม่รู้เมื่อสุนัขมีอาการเจ็บป่วย เพราะน้องหมาไม่สามารถพูดบอกกับเราได้โดยตรงนั่นเอง การหมั่นสังเกตความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น จะช่วยให้เราดูแลน้องหมาได้ดีและเต็มที่มากขึ้นด้วย วันนี้เราจะมาเจาะลึกเกี่ยวกับโรคบิดในสุนัขกัน ว่าโรคชนิดนี้มีที่มาอย่างไร แล้วหากวันหนึ่งน้องหมาของเราป่วยด้วยโรคบิด เราจะต้องทำอย่างไรบ้าง
ทำความเข้าใจ โรคบิดในสุนัขคืออะไร
โรคบิดในสุนัข หรือ Coccidiosis in dogs หรือ Giardiasis in dogs เป็นอาการที่เกิดขึ้นจากการที่ร่างกายสุนัขนั้นได้รับโปรโตซัว Conccidia หรือ โปรโตซัว Giardia ซึ่งเจ้าโปรโตซัวทั้ง 2 ชนิดนี้จะติดอยู่ทั้งกับอุจจาระ พื้นหญ้า หรือ แหล่งน้ำที่มีการปนเปื้อนของโปรโตซัวชนิดนี้ ซึ่งเมื่อสุนัขได้รับเข้าไป โปรโตซัวจะเริ่มเกาะกินที่ผนังกระเพาะอาหาร ส่งผลโดยรวมต่อการย่อยอาหาร การดูดซึมสารอาหารต่างๆ ของสุนัขทำให้มีประสิทธิภาพลดลง สุนัขบางตัวไม่มีอาการที่สังเกตได้ชัดเจน แต่บางตัวจะมีอาการท้องเสีย หรือน้ำหนักลดลง
โดยมากเมื่อมีอาการกับสุนัขที่โตเต็มวัยจะไม่เป็นอันตรายมากนัก แต่กับลูกสุนัขที่ยังอายุไม่ถึง 6 เดือน อาจทำให้เกิดสภาวะขาดน้ำรุนแรงและเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้
โรคบิดในสุนัข เกิดจากอะไร?
โรคบิดในสุนัขที่มีพาหะนำโรคเป็นโปรโตซัวในระบบย่อยอาหาร สามารถเกิดการติดต่อหรือแพร่เชื้อจากสุนัขด้วยกันเองได้ง่าย เนื่องจากโปรโตซัวสามารถอยู่อาศัยได้นานที่สภาพพื้นผิวต่างๆ รวมไปถึงมีการแบ่งเซลล์ได้ไวอีกด้วย ซึ่งปัจจัยหลักๆ ที่ทำให้สุนัขได้รับโปรโตซัวเข้าไปมีดังนี้
1. สุนัขกินอุจจาระที่มีการปนเปื้อน
ในบางครั้ง สุนัขเลือกที่เลี้ยงไว้ในบริเวณใกล้เคียงกันและคุ้นเคยกับกลิ่นของอีกฝ่าย อาจมีการกินอุจจาระของสุนัขอีกตัวเข้าไป หรือ ในกรณีของแม่สุนัขที่ถ่ายไว้แล้วลูกสุนัขเข้ามากินอุจจาระ ซึ่งการกินอุจจาระนับเป็นสาเหตุหลักๆ อย่างหนึ่งของการแพร่ระบาดของอาการบิด เนื่องจากโปรโตซัวที่ติดอยู่ในอุจจาระจะยังมีชีวิต มีการแบ่งเซลล์เพิ่มจำนวนอยู่เสมอ สุนัขที่มากิจอุจจาระ หรือ แม้แต่เดินเหยียบแล้วเผลอเลียอุ้งเท้าตัวเองจึงมีโอกาสสูงที่จะเกิดอาการบิดขึ้นได้
2. สุนัขเล่นในพื้นที่ที่มีโปรโตซัว
อย่างที่กล่าวไปว่าโปรโตซัวของโรคบิดในสุนัข สามารถแบ่งเซลล์และอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีความชื้น เช่น บนที่นอน พื้นหญ้า หรือ พื้นดินที่สุนัขวิ่งเล่น ดังนั้น สุนัขก็มีความเสี่ยงทั้งจากการกินหญ้าแถวนั้น หรือ การเลียอุ้งเท้า การเลียจมูก รวมไปถึงการที่ของเล่นสุนัขอาจปนเปื้อนและมีการคาบไปมา ทำให้โปรโตซัวติดเข้ามาในร่างกายได้อีกทาง
3. สุนัขกินน้ำร่วมกันในถาด
สำหรับใครที่เลี้ยงสุนัขหลายตัว หรือ เลี้ยงในชุมชนที่มีสุนัขตัวอื่นๆ ร่วมด้วย ถาดใส่น้ำหรือบ่อน้ำเป็นหนึ่งในพื้นที่เสี่ยงต่อการที่สุนัขจะเผลอกินโปรโตซัวเข้าไปพร้อมกับน้ำ ซึ่งในถาดใส่น้ำนี่เป็นแหล่งเพาะพันธุ์และแบ่งเซลล์ของโปรโตซัวเป็นอย่างดี
4. ความเครียดและภาวะภูมิคุ้มกันตกของสุนัข
สุนัขที่มีความเครียดสูงจะมีภูมิคุ้มกันที่ลดลง ซึ่งความเครียดส่งผลโดยตรงต่อระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายสุนัข เมื่อระดับภูมิคุ้มกันของสุนัขลดลง จะทำให้พวกมันเสี่ยงต่อการติดเชื้อต่างๆ และ มีอาการเจ็บป่วยได้ง่ายขึ้น ดังนั้น รูปแบบการเลี้ยงดูจึงส่งผลต่อสุขภาพโดยตรง ตั้งแต่การเลือกที่อยู่ ที่นอน สุขอนามัย รวมไปถึงอาหารด้วย การให้อาหารที่มีส่วนผสมของ แมนแนนโอลิโกแซคคาไรด์ ก็ช่วยดูแลสุขภาพเพิ่มจุลินทรีย์ดีที่ดีในลำไส้ พร้อมทั้งช่วยในเรื่องการขับถ่ายอีกด้วย
JOMO อาหารสุนัขเกรดพรีเมี่ยม มีส่วนผสมของแมนแนนโอลิโกแซคคาไรด์ (MOS) ซึ่งเป็นสารพรีไบโอติกส์จากธรรมชาติ ที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งจากภายใน มีส่วนช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยให้ร่างกายของสุนัขแข็งแรงขึ้น ช่วยเพิ่มจำนวนเชื้อจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในระบบทางเดินอาหาร และ กำจัดแบคทีเรียที่ไม่ดีในลำไส้อย่างเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมจากยัคคา ซึ่งเป็นพืชธรรมชาติ ซึ่งมีส่วนช่วยในการลดกลิ่นตัว ลดกลิ่นอุจจาระจากตัวของน้องหมา ส่งผลให้สภาวะแวดล้อมในการเลี้ยงดีขึ้นอีกด้วย สั่งซื้อได้แล้ววันนี้ส่งฟรีทั่วประเทศไทย
จะเห็นได้ว่าปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคบิดในสุนัข มีได้ทั้งปัจจัยภายนอกและปัจจัยภายใน ซึ่งเจ้าของต้องดูแลและสังเกตให้ดี รวมไปถึงต้องเข้าใจลักษณะของอาการบิดที่เกิดขึ้นกับสุนัข
ลูกสุนัข มีความเสี่ยงในการติดเชื้อสูงกว่า
การแสดงอาการเมื่อเกิดโรคบิดในสุนัขมักจะเกิดขึ้นง่ายกว่าในลูกสุนัข เนื่องจากการที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายยังไม่พัฒนาเพียงพอที่จะป้องกันการติดเชื้อ และพฤติกรรมเสี่ยงของลูกสุนัขที่จะวิ่งเล่น ชอบกินหรือเคี้ยวสิ่งของแปลกๆ ต่างๆ ทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่ายกว่า และยังมีความเสี่ยงในความรุนแรงของอาการที่มากกว่าด้วย
รู้ได้อย่างไรว่าสุนัขเป็นบิด วิธีสังเกตอาการบิดในสุนัข
เมื่อเจ็บไข้ได้ป่วย น้องหมาจะไม่สามารถบอกกับเราได้โดยตรง แต่เจ้าของต้องหมั่นสังเกตความผิดปกติของร่างกาย ในส่วนของโรคบิดนั้น เจ้าของสามารถสังเกตได้ดังนี้
1. สังเกตลักษณะของอุจจาระ
อุจจาระ (Dog Stool) เป็นเสมือนเครื่องส่งสัญญาณของสุขภาพน้องหมา โดยโรคบิดในสุขนั้นเกิดจากการเกาะกินผนังลำไส้ กระเพาะอาหาร ทำให้สุนัขถ่ายนิ่ม มีกลิ่นแรง พร้อมกับมีเมือกมากเพราะร่างกายจะพยายามขับเมือกเพื่อล้างสิ่งแปลกปลอมออก ในสุนัขที่มีอาการรุนแรงจะมีลักษณะถ่ายเหลวปนเลือดหรือเมือกและมีอาการอาเจียนควบคู่ไปด้วย
2. สังเกตอาการท้องเสียเรื้อรังและน้ำหนักลด
อีกหนึ่งอาการที่พบได้บ่อย คือสุนัขจะมีการขับถ่ายที่บ่อยขึ้นมาก รวมถึงมีน้ำหนักลดลงอย่างชัดเจน ด้วยการแบ่งตัวของโปรโตซัว ทำให้สุนัขเกิดการขับถ่ายบ่อย อาหารไม่ย่อย เกิดการเบื่ออาหารขึ้น
ถ้าน้องหมายังมีอาการไม่มากแต่มีปัญหาการขับถ่ายบ่อยๆ ลองเปลี่ยนอาหารปกติมาเป็น อาหารสุนัขเกรดพรีเมียม JOMO มีส่วนผสมของยัคคาธรรมชาติ ช่วยปกป้องผนังลำไส้ และขจัดเชื้อโรคในลำไส้ ลดความผิดปกติของลำไส้ อาการท้องอืด ท้องเสีย และแก๊สในลำไส้ และยังช่วยให้มูลสุนัขมีกลิ่นน้อยลง นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมของ แมนแนนโอลิโกแซคคาไรด์ (MOS) ช่วยกำจัดแบคทีเรียที่ไม่ดีในลำไส้อย่างเป็นธรรมชาติ และเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยให้ร่างกายของสุนัขแข็งแรงขึ้น พิเศษ!! สั่งซื้อวันนี้จัดส่งฟรีทั่วประเทศไทย
3. สังเกตอาการขาดน้ำและเซื่องซึม
จากการที่ระบบย่อยอาหารเกิดปัญหา ทำให้สุนัขจะเกิดสภาวะขาดน้ำ มีอาการเซื่องซึม ซึ่งในสุนัขที่โตเต็มวัยอาจไม่ได้มีความรุนแรง แต่กับลูกสุนัขที่อายุยังไม่มาก อาการขาดน้ำนี้สามารถทำให้เกิดภาวะช็อกและเสียชีวิตได้
ปัญหาสำคัญของการติดเชื้อบิดคือสุนัขจะไม่แสดงอาการ แต่จะอยู่ในสถานะพาหะนำโรค ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อให้สุนัขตัวอื่นๆ อีกทั้งเพิ่มความเสี่ยงของการติดเชื้อและป่วยเป็นโรคอื่นๆ ที่มีความร้ายแรงมากกว่า
ดังนั้นการสังเกตอุจจาระและการอาเจียนของสุนัขเป็นสิ่งที่ทำให้เจ้าของเริ่มรับรู้อาการป่วยของเจ้าตูบ ก่อนที่อาการจะรุนแรงขึ้นและสามารถรักษาได้ทัน
แนวทางป้องกันสุนัขจากโรคบิด
หลังจากที่ทำความเข้าใจแล้วว่าโรคบิดในสุนัขเกิดขึ้นจากอะไร มาดูกันว่าเจ้าของจะสามารถดูแลน้องหมาหรือป้องกันสุนัขจากอาการนี้ได้อย่างไรบ้าง
1. ดูแลความสะอาดที่อยู่อาศัยสุนัขสม่ำเสมอ
พื้นฐานที่สุดของการดูแลสุนัขคือความสะอาดของที่อยู่อาศัย ทั้งเชื้อโรค แบคทีเรีย โปรโตซัว ต่างก็อาศัยความชื้น การหมักหมม ในการเจริญเติบโต ดังนั้นที่อยู่ของสุนัขควรได้รับการดูแลความสะอาด หรือ ฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อ ยากำจัดเห็บหมัดต่างๆ ทุกๆ 3-4 เดือน เพื่อสุขอนามัยที่ดีของน้องหมาและลดปัญหาการติดเชื้อโรคต่างๆ
2.ให้อาหารที่สะอาดและเพียงพอ
ปัญหาสุนัขกินจุกจิก หรือ การเผลอไปกินอุจจาระจะลดลงหากเจ้าของให้ข้าวได้ตรงเวลาและมีปริมาณเพียงพอ สุนัขจะเรียนรู้ช่วงเวลาในการกินข้าวและไม่เผลอไปกินสิ่งแปลกปลอมบ่อยๆ พร้อมทั้งคอยดูแลความสะอาดของภาชนะให้ข้าวและน้ำ เพื่อลดการสะสมของโปรโตซัวที่อาจก่อให้เกิดอาการบิด
3. กั้นคอก หรือ ดูแลบริเวณที่จะพาไปวิ่งเล่น
ในบางทีที่เลี้ยงสุนัขแบบปล่อย อาจต้องมีการกั้นคอกหรือมีดูแลบริเวณที่น้องหมาจะไปวิ่งเล่น ไม่ให้มีการติดต่อของโปรโตซัวผ่านสิ่งของต่างๆ การกั้นคอกจะช่วยให้เจ้าของสามารถดูแลความสะอาดของน้องหมาได้ดีขึ้น ง่ายขึ้น
4. ตรวจสุขภาพกับสัตวแพทย์เป็นประจำ
การตรวจสุขภาพประจำปีของสุนัขเป็นสิ่งที่สามารถทำได้และดีต่อทั้งสุนัขและเจ้าของ โรคบิดในสุนัขบางครั้งไม่แสดงอาการออกมาโดยตรง การให้สัตวแพทย์ช่วยตรวจหาและจ่ายยาให้เหมาะสมกับสุขภาพ ซึ่งอาจได้เป็นยาถ่ายพยาธิที่ให้กินเพื่อดูแลสุขภาพน้องหมา นอกจากจะเป็นการป้องกันแล้ว ยังเป็นการรักษาสุขภาพสุนัขให้แข็งแรงอยู่เสมอ ลดความเสี่ยงของการป่วยต่างๆ ได้เป็นอย่างดี
สรุปโรคบิดในสุนัข
โรคบิดในสุขเกิดขึ้นจากการที่สุนัขกินโปรโตซัวที่ปนเปื้อน ทั้งในอาหารหรือแหล่งน้ำเข้าไป เมื่อโปรโตซัวเข้าไปเกาะที่กระเพาะอาหาร-ลำไส้ ก็จะเริ่มการแบ่งตัวและดูดซึมสารอาหารที่สุนัขกินเข้ามา ทำให้สุนัขมีการระคายเคือง บางตัวอาจมีอาการท้องเสีย อาเจียนควบคู่มาด้วย แต่ส่วนมากหากมีโปรโตซัวไม่มาก จะไม่แสดงอาการแต่จะอยู่สถานะพาหะที่เสี่ยงต่อการแพร่ของโปรโตซัวเหล่านี้ไปยังสุนัขตัวอื่นๆ
การดูแลความสะอาดเป็นพื้นฐานสำคัญ ตั้งแต่ที่อยู่อาศัย ภาชนะใส่ข้าว-น้ำ รวมไปถึงการดูสภาพแวดล้อมที่อยู่ของสุนัขว่าไม่มีการเสี่ยงจะไปติดมาจากสุนัขตัวอื่น โดยสิ่งที่สำคัญที่มักทำให้สุนัขเกิดอาการบิดคือ การกินอุจจาระของสุนัขที่เป็นพาหะ เข้าไป ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่สุนัขติดเชื้อได้ง่ายส่งผลเสียต่อสุขภาพ การตรวจสุขภาพหรือถ่ายพยาธิเป็นประจำสามารถช่วยลดปัญหาเหล่านี้ได้
การฝึกให้อาหารสุนัขให้ตรงเวลา ในปริมาณที่เหมาะสม และเลือกอาหารที่เหมาะกับน้องหมา ก็เป็นอีกทางในการป้องกันและดูแลให้น้องหมาสดใส สุขภาพดีในทุกวัน อาหารสุนัขเกรดพรีเมียม JOMO มีส่วนผสมของ
- แมนแนนโอลิโกแซคคาไรด์ (MOS) ซึ่งเป็นสารพรีไบโอติกส์จากธรรมชาติ ที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งจากภายใน ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยให้ร่างกายของสุนัขแข็งแรงขึ้น เพิ่มจำนวนเชื้อจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในระบบทางเดินอาหาร ช่วยกำจัดแบคทีเรียที่ไม่ดีในลำไส้อย่างเป็นธรรมชาติ
- ฟรุกโตโอลิโกแซคคาไรด์ (FOS) เป็นสารพรีไบโอติกส์จากธรรมชาติ ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพของสุนัข โดยฉพาะการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายและทางเดินอาหารให้แข็งแรงขึ้น ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของแบคทีเรียดีในลำไส้ และยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียไม่ดี
- ยัคคา ซึ่งเป็นพืชธรรมชาติ ซึ่งมีส่วนช่วยในการลดกลิ่นตัว ลดกลิ่นอุจจาระจากตัวของน้องหมา ส่งผลให้สภาวะแวดล้อมในการเลี้ยงดีขึ้น ช่วยปกป้องผนังลำไส้ และขจัดเชื้อโรคในลำไส้ และยังช่วยลดความผิดปกติของลำไส้ อาการท้องอืด ท้องเสีย และแก๊สในลำไส้
เริ่มต้นสร้างสุขภาพที่ดีให้กับน้องหมาแสนรักของเราวันนี้ พิเศษ!! สั่งซื้อตอนนี้ส่งฟรีทั่วประเทศ
โรคบิดในสุนัขรักษาได้อย่างไร?
ารรักษาโรคบิดในสุนัข ต้องได้รับยาในกลุ่มซัลฟาเมททอกไซด์ หรือ ยาฆ่าพยาธิ ที่สั่งโดยสัตวแพทย์เท่านั้น ดังนั้นการตรวจสุขภาพเป็นประจำและหมั่นสังเกตอุจจาระ จึงเป็นสิ่งที่เจ้าของสามารถทำและดูแลรักษาสุนัขเพื่อช่วยให้สัตวแพทย์วินิจฉัยอาการได้ตรง และรักษาได้ถูกต้อง
โรคบิดในสุนัข มีการติดต่ออย่างไร แพร่เชื้อถึงคนหรือไม่?
สุนัข แต่จะไม่แพร่ไปถึงมนุษย์ เพราะเป็นโปรโตซัวคนละสายพันธุ์ มีความต้องการโฮสที่แตกต่างกัน
โรคบิดสุนัขอันตรายหรือไม่?
ทั่วไปโรคบิดในสุนัขไม่ใช่โรคร้ายแรงการกินยาถ่ายพยาธิและดูแลความสะอาดก็เพียงพอต่อการรักษาสุขภาพสุนัข แต่ในกรณีที่เป็นลูกสุนัข โรคบิดสุนัขอาจมีความรุนแรงและสามารถเป็นอันตรายได้ หากสุนัขเกิดอาการขาดน้ำและถ่ายเป็นเลือด