การให้อาหารสุนัขนั้นเป็นเรื่องที่เจ้าของต้องทำทุกวันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ซึ่งอาจเพิ่มไปถึง 6 ครั้งสำหรับลูกสุนัข โดยขั้นตอนการให้อาหารควรทำอย่างไรบ้าง สุนัขควรกินอะไรบ้าง ควรให้เยอะแค่ไหน มีข้อควรระวังอะไรบ้าง ตามมาอ่านคู่มือแบบละเอียดได้ที่นี่เลย
การให้อาหารสุนัขในระยะต่างๆ ตามช่วงวัย
ปริมาณในการให้อาหารสุนัขนั้นไม่มีข้อบังคับตายตัว แม้จะเป็นพันธุ์เดียวกันก็ไม่จำเป็นต้องกินในปริมาณเท่ากัน โดยพื้นฐานควรจะให้อาหารสุนัขอย่างน้อย 2 ครั้งต่อวัน อย่างไรก็ดีจำนวนครั้งการให้อาหารนั้นขึ้นอยู่กับอายุ, พันธุ์, ปัญหาสุขภาพ และอื่น ๆ ตามที่สัตวแพทย์แนะนำ โดยเราขอแบ่งตามช่วงอายุดังนี้
การให้อาหารลูกสุนัข
ลูกสุนัขก็เหมือนลูกคน พวกเขาต้องการการพักผ่อนที่เหมาะสม และอาหารที่เพียงพอในการเติบโต แต่ยังไม่สามารถกินได้ครั้งละเยอะ ๆ จึงควรให้อาหารตามต้องการของช่วงอายุดังนี้
ปริมาณที่เหมาะสม
ลูกสุนัขกำลังโตต้องการอาหารปริมาณมากเพื่อการเติบโต ประมาณ 50 กรัมต่อวันสำหรับพันธุ์ตุ๊กตา ประมาณ 100 กรัมสำหรับพันธุ์เล็ก 200-300 กรัมสำหรับพันธุ์ขนาดกลาง และสำหรับสุนัขพันธุ์ใหญ่อาจต้องการถึง 700 กรัมเลยทีเดียว ทั้งนี้ก็เพื่อการพัฒนากระดูกและอวัยวะ อย่างไรก็ดีไม่ควรให้มากจนกลายเป็นปัญหาโรคอ้วน เพราะมักจะโตมาเป็นสุนัขอ้วนและกลายเป็นปัญหาสุขภาพในอนาคต
จำนวนครั้งในการให้อาหาร
เนื่องจากลูกสุนัขต้องการพลังงานในการเล่นและเติบโต แต่ระบบทางเดินอาหารยังไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพนัก ทำให้สำหรับลูกสุนัขต่ำกว่า 5 เดือนควรทานอาหาร 3-4 มื้อต่อวัน โดยสำหรับลูกสุนัขพันธุ์เล็กอาจต้องการมากถึง 4-6 มื้อต่อวัน
ชนิดอาหารที่ควรให้
เจ้าของควรให้อาหารสูตรลูกสุนัขในปริมาณที่เหมาะสม โดยเฉพาะแคลเซียมเช่นกระดูกดิบเพื่อป้องกันปัญหากระดูกและข้อในภายหลัง อย่างไรก็ดีสำหรับลูกสุนัขอายุต่ำกว่า 4 เดือนไม่ควรให้อาหารดิบ เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันของลูกสุนัขยังไม่ดีพอ แบคทีเรียในอาหารดิบอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ ซึ่งทุกครั้งที่ให้อาหารใหม่ก็ควรเฝ้าดูลูกสุนัข ป้องกันอาการแพ้อาหารที่อาจเกิดขึ้น
การให้อาหารสุนัขโตเต็มวัย
สำหรับสุนัขพันธุ์เล็ก จะโตเต็มวัยเมื่ออายุ 12 เดือน แต่สุนัขพันธุ์ใหญ่อาจใช้เวลาถึงอายุ 18-24 เดือน เมื่อสุนัขโตเต็มวัย ระบบย่อยอาหารของพวกเขาก็สามารถทำงานได้ดี ทำให้ไม่จำเป็นต้องให้อาหารวันละหลายครั้ง แต่ต้องให้ในปริมาณที่เหมาะสมกับการเล่นและวิถีชีวิตของพวกเขา โดยมีปริมาณ จำนวนครั้ง และชนิดอาหารที่เหมาะสมดังนี้
ปริมาณที่เหมาะสม
ขนาดตัวและน้ำหนักตัวเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักสำหรับการเลือกปริมาณอาหารให้กับน้องหมา สำหรับสุนัขพันธุ์ตุ๊กตาต้องการอาหารประมาณเดิมคือ 50 กรัมต่อวัน สำหรับพันธุ์เล็กต้องการ 100 กรัมต่อวัน พันธุ์ขนาดกลางต้องการ 150-300 กรัม และพันธุ์ใหญ่ต้องการอาหารตั้งแต่ 300 กรัม ไปจนถึง 1,000 กรัม ขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัว อย่างไรก็ดีถึงสุนัขจะชอบกิน แต่ก็ไม่ควรให้มากเกินไปเพื่อป้องกันโรคอ้วน รวมไปถึงปัญหาเกี่ยวกับกล้ามเนื้อและกระดูก
จำนวนครั้งในการให้อาหาร
เมื่อสุนัขโตเต็มวัย จะต้องการอาหารในปริมาณที่เหมาะสมเพียง 2 มื้อต่อวันเท่านั้น โดยสามารถให้ขนมในเวลาฝึกหรือเล่นเพิ่มได้ แต่ไม่ควรเกิน 10% ของปริมาณอาหารต่อวัน
ชนิดอาหารที่ควรให้
สามารถให้อาหารสูตรสุนัขโตเต็มวัยที่มีสารอาหารครบถ้วนได้ โดยอาจเพิ่มเติมเนื้อสัตว์ ผัก หรือปลาเพื่อความหลากหลายของอาหาร หากจะให้กระดูกก็ต้องเป็นกระดูกดิบเท่านั้น
เลือกอาหารสุนัขเกรดพรีเมียม JOMO ให้น้องหมาเพื่อสุขภาพที่ดีของน้องหมาในทุกวัน JOMO ใช้แหล่งโปรตีนหลักจากเนื้อแกะออสเตรเลีย ให้โปรตีนสูง 23% มีส่วนผสมที่เป็นน้ำมันปลาแซลมอนที่อุดมไปด้วย Omega 3 และ Omega 6 ทำให้น้องหมามีสุขภาพผิว และขนที่ดี เสริมด้วยโอลิโกแซคคาร์ไรด์ ซึ่งมีส่วนช่วยเสริมพัฒนาการทางสมอง และการทำงานของระบบประสาท พิเศษ สั่งซื้อวันนี้ส่งฟรีทั่วประเทศไทย!!
การให้อาหารสุนัขแก่
สุนัขสูงวัยก็เหมือนกับคนมีอายุที่ต้องการอาหารพิเศษที่เหมาะกับโรคและเหมาะกับระบบต่าง ๆ ในร่างกายที่ไม่ดีเหมือนเก่า โดยควรทานอาหารดังนี้
ปริมาณที่เหมาะสม
เมื่อเข้าถึงวัยสูงอายุ สุนัขจะขยับตัวน้อยลง บวกกับการเผาผลาญที่แย่ ทำให้เจ้าของควรลดปริมาณแคลอรีในอาหารน้องหมา หรือลดปริมาณลงอย่างน้อย 20% จากปริมาณอาหารสำหรับวัยผู้ใหญ่เพื่อลดโอกาสการเป็นโรคอ้วนที่เป็นโรคฮิตในสุนัขแก่ อย่างไรก็ดี หากสุนัขผอมหรือมีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ ก็ควรดูแลให้มีน้ำหนักตามเกณฑ์เพื่อสุขภาพที่แข็งแรง และไม่ควรอาหารให้กินตามใจตลอดทั้งวันเช่นเดียวกับสุนัขทุกวัย
จำนวนครั้งในการให้อาหาร
สำหรับสุนัขบางตัวก็สามารถให้อาหารในปริมาณเท่าเดิมได้ แต่สุนัขสูงวัยบางตัวอาจต้องการอาหารที่น้อยลงและบ่อยครั้งขึ้น เช่นเดียวกับลูกสุนัข ลองสังเกตความต้องการของสุนัขแก่และปรึกษาสัตวแพทย์ถึงปริมาณและจำนวนครั้งในการให้อาหารที่เหมาะสม
ชนิดอาหารที่ควรให้
เนื่องจากสุนัขแก่จะมีปัญหาต่าง ๆ ตามอายุ จึงควรให้อาหารที่ช่วยบำรุงดูแลสุขภาพให้น้องหมาสูงวัยอายุยืน อยู่กับเราไปอีกนาน ๆ เช่น ไฟเบอร์อย่างฟักทอง ที่ช่วยดูแลระบบทางเดินอาหาร ซุปกระดูก ที่ดีกับกระดูกและข้อต่อซึ่งเป็นปัญหาหลักในสุนัขแก่ ผักนึ่ง เช่นเคล บร็อคโคลี่ ที่ช่วยบำรุงเลือด และมีวิตามินที่ดีตามธรรมชาติ และโปรตีน ที่ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ เป็นต้น อย่างไรก็ดีควรลดปริมาณการให้ขนมสำเร็จรูป และหันไปให้ผักต้มหรือผลไม้เช่นแครอท แอปเปิลแทน หากสุนัขไม่ทานอาหารหรือเบื่ออาหาร ลองเปลี่ยนมาให้อาหารเปียก ซุป หรืออาหารทำเอง อย่างไรก็ดีหากสุนัขปฏิเสธอาหารติดกันหลายวันก็ควรนำไปพบสัตวแพทย์
นอกจากให้ทานอาหารที่เหมาะสุนัขแก่แล้ว พวกเขาก็ยังมีข้อจำกัดต่าง ๆ ที่เจ้าของควรรู้เพื่อการดูแลที่ทันท่วงที เช่นการพาไปออกกำลังกาย ดูแลการขับถ่าย ดูแลสุขภาพผิวหนังและขน ซึ่งอาหารที่ดีก็ช่วยให้น้องหมาแก่ตัวไปอย่างแข็งแรงได้
เลือกอาหารสุนัขเกรดพรีเมียม JOMO [โจโม่] ดูแลสุขภาพของสุนัขคุณ เพราะมีถึง 5 คุณประโยชน์ในถุงเดียว ล้วนเป็นคุณประโยชน์ที่ดีกับร่างกายน้องหมา ทำให้น้องหมาสุขภาพแข็งแรง ร่าเริง คล่องแคล่ว กระฉับกระเฉง สมวัย มีแหล่งโปรตีนหลักมาจากเนื้อแกะออสเตรเลีย โปรตีนสูงถึง 23% กลูเตนฟรี สุนัขแพ้ง่ายก็ทานได้ มีส่วนผสมที่เป็นน้ำมันปลาแซลมอนที่อุดมไปด้วย Omega 3 และ Omega 6 ทำให้น้องหมามีสุขภาพผิว และขนที่ดี มีส่วนผสมที่เป็นโอลิโกแซคคาร์ไรด์ซึ่งมีส่วนช่วยเสริมพัฒนาการทางสมองและการทำงานของระบบประสาท สั่งซื้อวันนี้ ส่งฟรีทั่วไทย
ปัจจัยอื่น ๆ ในการเลือกให้อาหารสุนัข
สุนัขแต่ละตัวนอกจากจะแตกต่างกันที่พันธุ์ น้ำหนัก และอายุแล้ว ยังมีปัจจัยอื่น ๆ มากมายที่ส่งผลต่อการทานอาหารของน้องหมา เช่น
การออกกำลังกายของสุนัข
หากสุนัขชอบออกกำลังกาย หรือเป็นพันธุ์ล่าสัตว์ที่คึกคัก ชอบเล่น ก็สามารถให้ขนมเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มพลังงานได้ แต่ก็ควรปรึกษาสัตวแพทย์ถึงปริมาณที่เหมาะสม อย่างไรก็ดีควรงดอาหารก่อนและหลังออกกำลังกายอย่างน้อย 1 ชั่วโมง เนื่องจากสุนัขบางพันธุ์โดยเฉพาะพันธุ์ใหญ่อาจมีปัญหาแก๊สในกระเพาะอาหารที่อาจทำให้ถึงชีวิตได้
ปัญหาสุขภาพ
หากสุนัขมีโรคหรือปัญหาด้านสุขภาพ ไม่ว่าวัยไหนก็ควรทานอาหารเฉพาะโรคและทำการคุมอาหารอย่างเคร่งครัด ป้องกันอาการแย่ลง เช่นสุนัขที่เป็นเบาหวาน ก็ควรทานอาหารไฟเบอร์สูง ไขมันต่ำ หรือสุนัขที่เป็นโรคหัวใจ ก็ต้องคุมน้ำหนักด้วยการทานอาหารแคลอรีต่ำ โซเดียมต่ำ เป็นต้น
ข้อควรระวังในการให้อาหารสุนัข
ห้ามให้อาหารที่มีก้างและกระดูกสุก
เพราะก้างอาจไปตำคอ ส่วนกระดูกสุกน้องหมาก็ไม่สามารถย่อยสลายได้ สุดท้ายก็ไปติดอยู่ในกระเพาะและก่อให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่นท้องอืด โดยหากไปสะสมจำนวนมากอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
ห้ามให้อาหารคน
อาหารคนมักมีรสชาติเค็ม และอาจมีส่วนผสมที่เป็นอันตรายกับน้องหมา เมื่อน้องหมากินเข้าไปมาก ๆ ก็อาจทำให้ขับปัสสาวะมาก อาเจียน ชัก มีไข้สูง และในระยะยาวอาจส่งผลให้เกิดโรคไตได้ ดังนั้นไม่ว่าสุนัขจะอ้อนวอนข้างโต๊ะอาหารแค่ไหน ก็ต้องหักห้ามใจไม่ให้ เพื่อสุขภาพระยะยาวที่ดีกับน้องหมานั่นเอง
ห้ามให้ช็อกโกแลต, ลูกเกด, นมวัว ฯลฯ
สุนัขไม่ควรทานอาหารหลายอย่าง เช่น ช็อกโกแลตและอาหารที่มีคาเฟอีน เนื่องจากมีสารเมทิลแซนธีนที่ทำให้สุนัขอาเจียน เกิดอาการหัวใจเต้นผิดปกติ จนอาจเสียชีวิต ส่วนลูกเกดอาจทำให้เกิดภาวะไตวายเฉียบพลัน และนมวัวรวมถึงผลิตภัณฑ์จากนมวัว อาจส่งผลต่อระบบทางเดินอาหารกับน้องหมาที่ไม่สามารถย่อยแลคโตสได้
นอกจากนี้ยังมีอาหารอีกหลายชนิดที่สุนัขไม่ควรกิน อย่างเช่น อาหารไม่สุก, อะโวคาโด, หัวหอมและกระเทียม ฯลฯ ที่เจ้าของควรศึกษาไว้เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดกับน้องหมา
อย่าลืมให้น้ำสะอาด
น้องหมาต้องการน้ำอยู่เสมอ ดังนั้นควรเตรียมน้ำสะอาดไว้ตลอดเวลา และเปลี่ยนน้ำ ทำความสะอาดชามเป็นประจำทุกวัน
อย่าตามใจสุนัข
ถึงแม้น้องหมาจะทำสายตาเว้าวอนแค่ไหน ก็ไม่ควรตามใจแล้วไปหยิบอาหารมาป้อนพร่ำเพรื่อ สอนให้น้องหมารู้จักรอเวลา กินให้อิ่มภายในมื้ออาหารเท่านั้น หากงอแงจริง ๆ อาจให้ทานขนมเพียงเล็กน้อยได้ แต่ไม่ควรให้จนเป็นนิสัย
ไม่ควรให้อาหารมากเกินไป
ด้วยนิสัยน้องหมาทำให้พวกเขากินแบบไม่บันยะบันยัง มีเท่าไหร่ก็กิน ดังนั้นการให้อาหารควรตวงให้ตามปริมาณที่เหมาะสมและไม่ปล่อยอาหารทิ้งไว้เพื่อป้องกันโรคอ้วน
ดูแลทำความสะอาดชามข้าวอยู่เสมอ
การปล่อยชามข้าวและบริเวณกินข้าวให้สกปรก อาจนำไปสู่โรคติดเชื้อจากเชื้อแคมไพโลแบคเตอร์ที่ทำให้เกิดอาการลำไส้อักเสบ หรือเชื้อซาลโมเนลล่าที่ทำให้เกิดอาการท้องร่วงได้
ระวังอาการแพ้อาหาร
เช่นเดียวกับคน สุนัขก็อาจเกิดการแพ้อาหารได้ โดยอาจเกิดอาการคันตัว ซึม เบื่ออาหาร มีอาการคันตัว ตาแดง มีขี้ตา เป็นต้น ซึ่งอาจหายหลังจากเปลี่ยนอาหารที่แพ้ เจ้าของต้องหมั่นสังเกตอาการของสุนัขอย่างสม่ำเสมอหลังจากเปลี่ยนอาหาร โดยเฉพาะในสุนัขแพ้ง่าย
Image Alt Attributes: สุนัขสีขาวยืนแลบลิ้นอยู่เหนือชามข้าว
สรุปเรื่องการให้อาหารสุนัข
ปัจจัยในการกำหนดการให้อาหารสุนัขนั้นมีมากมาย ทั้งพันธุ์ โรคประจำตัว การออกกำลังกาย ฯลฯ แต่หลัก ๆ คือน้ำหนักและอายุของสุนัข เนื่องจากลูกสุนัขจะต้องกินอาหารหลายมื้อต่อวันในปริมาณที่มาก เพื่อให้มีพลังงานเพียงพอในการใช้ชีวิตประจำวัน ส่วนสุนัขโตต้องการอาหารเพียง 2 ครั้งต่อวัน ในปริมาณที่เหมาะสมและให้พลังงาน แคลอรี ไขมันที่จำเป็น โดยเมื่อสุนัขเข้าวัยสูงอายุ ก็ต้องการทานอาหารคล้าย ๆ เดิม แต่อาจต้องเพิ่มการบำรุง และลดอาหารบางอย่างที่ทำลายสุขภาพพวกเขา นอกจากนี้เจ้าของควรเรียนรู้ถึงข้อควรระวังต่าง ๆ ในการให้อาหารน้องหมา เช่นห้ามให้อาหารคน ห้ามให้อาหารที่น้องหมากินไม่ได้อย่างช็อกโกแลต หมั่นเปลี่ยนน้ำสะอาดให้สุนัข ระวังการแพ้อาหาร เป็นต้น
เลือก JOMO [โจโม่] อาหารสุนัขเกรดพรีเมียมให้ดูแลน้องหมาสุดที่รักของคุณ เพราะเราให้ความสำคัญกับเรื่องของอาหารเป็นพิเศษ ทั้งคัดสรรวัตถุดิบที่ดีเหมาะกับสุนัขที่แพ้เนื้อไก่ไม่ใช้วัตถุดิบที่ได้จาก by-product และยังเสริมวิตามินและสารอาหารที่จำเป็นในการเสริมสร้างผิวหนังให้แข็งแรงอีกด้วย มีพรีไบโอติกส์ ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน เหมาะสำหรับสุนัขอายุตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป สั่งซื้อวันนี้ ส่งฟรีทั่วไทย มีบริการส่งด่วนในกทม.
ควรให้อาหารสุนัขวันละกี่ครั้ง?
สำหรับลูกสุนัข ควรให้อาหาร 3 ครั้ง แต่สำหรับสุนัขพันธุ์เล็ก อาจต้องให้มากถึง 4-6 ครั้งต่อวันเพื่อให้พลังงานเพียงพอ โดยเมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ สุนัขต้องการอาหารเพียง 2 ครั้งต่อวัน เช่นเดียวกับสุนัขแก่
สุนัขกินอาหารเหมือนสุนัขโตได้ไหม?
ได้ แต่ไม่ควร เนื่องจากอาหารลูกสุนัขจะมีส่วนผสมที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตมากกว่า แต่สิ่งที่ห้ามลูกสุนัขกินเหมือนสุนัขโตเป็นอันขาดคืออาหารดิบ เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันของพวกเขายังไม่สามารถต่อสู้กับแบคทีเรียปริมาณมากได้
สุนัขทานอาหารหลังออกกำลังกายได้ไหม?
ควรทานอาหารก่อนและหลังออกกำลังกายอย่างน้อย 1 ชั่วโมง เนื่องจากหากไม่ปฏิบัติตามนี้ สุนัขอาจเกิดแก๊สในกระเพาะ ส่งผลให้ไม่สบายตัว และอาจทำให้เสียชีวิตได้ในบางพันธุ์