สรุปโรคผิวหนังสุนัข สาเหตุ และวิธีการดูแลรักษาให้หายขาด

ปัญหาสุขภาพและโรคผิวหนังของเจ้าตูบ มักจะเป็นที่มักกวนใจเจ้าของอยู่บ่อยครั้ง บางครั้งเจ้าตูบก็ไปเล่นซนคลุกดิน เปื้อนโคลน และไม่ได้ล้างตัวทำความสะอาดทันที ยิ่งในช่วงฤดูฝน การติดเชื้อและการหมักหมมของเชื้อโรคต่างๆ อาการของโรคผิวหนังสุนัขนั้นมีความหลากหลายรูปแบบและที่มา จึงทำให้เจ้าของต้องดูแลแตกต่างตามอาการ วันนี้เรารวบรวมตัวอย่างโรคผิวหนังที่สุนัขมักจะเป็นและการดูแลต่างๆ มาให้ได้ลองศึกษาดูกัน

สุนัขสีน้ำตาลยิ้ม อารมณ์ดี บนพื้นหญ้าสีเขียว
Photo by Dan on Unsplash

โรคผิวหนังสุนัขโดยทั่วไป

ก่อนจะเข้าไปสู่สาเหตุ เราต้องทำความเข้าใจถึงอาการคันต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับน้องหมาของเราก่อน โดยทั่วไป โรคผิวหนังสุนัข  เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ และมีลักษณะแตกต่างกันออกไป แต่โดยทั่วไป เมื่อเกิดโรคแล้ว สุนัขจะมีอาการคัน(Pruritus) มากกว่าปกติ บริเวณที่เกานั้น จะมีรอยตั้งแต่ รอยแดง รอยผิวไหม้ มีน้ำมันหรือน้ำเหลือง ผิวหนาขึ้นหรือขนร่วงเป็นหย่อมๆ เป็นต้น  อาการโรคผิวหนังมีทั้งแบบเล็กน้อยหายเองได้ ไปจนถึงขั้นรุนแรงที่กัดกินเนื้อเยื่อ เกิดเนื้อตายและการติดเชื้อร้ายแรงได้ 

เมื่อเกิดโรคผิวหนัง อาการส่วนมากจะเป็นเรื้อรังและใช้เวลาในการรักษากว่าจะหายดี ซึ่งต้องพาน้องหมาไปพบสัตวแพทย์เพื่อได้รับการรักษาที่เหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป

โรคผิวหนังสุนัขเกิดจากอะไรบ้าง? สาเหตุของโรคผิวหนังที่พบบ่อยในน้องหมา 

สาเหตุของการเกิดโรคผิวหนังของสุนัขเกิดขึ้นได้ทั่วไป โดยแบ่งเป็นสาเหตุดังนี้

โรคผิวหนังสุนัขจากเห็บ

สาเหตุที่พบได้บ่อยอย่างหนึ่งคือ เห็บ (Ticks) สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่อาศัยอยู่บนผิวและขนของสุนัข ในรูปแบบปรสิต จะทำหน้าที่ในการดูดเลือด และ แพร่พันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว พบมาในช่วงฤดูร้อน โดยสุนัขที่เล่นกับพื้นดินหรือพื้นที่ไม่สะอาด จะมีตัวเห็บมาเกาะ โดยเฉพาะที่รูหูและบริเวณหลังหู เพราะ เห็บสามารถดูดเลือดได้ง่ายและสุนัขมักจะปัดหรือเกาไม่ถึง เห็บสามารถเป็นพาหะนำโรคได้ทั้งกับสุนัขและมนุษย์

โรคผิวหนังสุนัขจากหมัด

ตัวหมัด (Fleas) เป็นสิ่งมีชีวิตที่พบได้ทุกที่ ทั้งในที่อยู่อาศัยของมนุษย์และพื้นดิน สามารถวางไข่ได้ไวและเป็นสาเหตุของอาการคัน อาการแพ้ต่างๆ ทั้งกับสุนัขและมนุษย์ หมัดสามารถทำให้เกิดอาการอักเสบและติดเชื้อจากการเกาหรือแกะแผลที่บริเวณต่างๆ ของสุนัข เสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคอื่นๆ เพิ่มเติมได้

โรคผิวหนังสุนัขจากตัวไร

ตัวไร (Mite) สิ่งที่มีชีวิตที่พบได้ง่ายและเป็นอันตรายอีกตัว เพราะไร สามารถติดกับสุนัขและอาศัยบนผิวหนังสุนัขได้ถึง 2 แบบ คือ อาศัยบนโรคขี้เรื้อนแห้ง และ การติดจากแม่สุนัขสู่ลูกสุนัข ทำให้เกิดอาการคันอย่างรุนแรง ทำให้เกิดแผลเลือดออก และ มีอาการขนหลุดร่วงเป็นหย่อมๆ ต่างๆ

โรคผิวหนังสุนัขจากอาการแพ้

สุนัขสามารถมีอาการแพ้ได้เหมือนกับคนเช่นกัน โดยสุนัขสามารถแพ้ทั้งอากาศ อาหารและสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัย โดยทั่วไปหากเกิดโรคผิวหนังด้วยอาการแพ้ สุนัขจะมีการอักเสบที่หูและจมูก สามารถสังเกตได้ทันที อาการแพ้จะทำให้สุนัขคัน และเกาจนเกิดแผลติดเชื้อต่างๆ 

หนึ่งในปัญหาการแพ้อาหารที่พบบ่อย คือการแพ้ by-product อย่างเนื้อไก่และข้าวโพด ซึ่งอาหารสุนัขส่วนใหญ่ในตลาดจะมีส่วนผสมของ by-product  พวกนี้อยู่ ที่ JOMO เราเลือกใช้โปรตีนหลักจากเนื้อแกะออสเตรเลีย ไม่มีกลูเต็น ไม่มีส่วนผสมของเนื้อไก่และข้าวโพด ลดความเสี่ยงในการแพ้อาหารของสุนัข เลือกซื้ออาหารสุนัขเพื่อบำรุงขนและผิวหนังจาก JOMO ได้แล้ววันนี้ เพื่อสุขภาพของน้องหมาที่ดีในทุกวัน

โรคผิวหนังสุนัขจากต่อมไขมันผิดปกติ

อาการผิดปกติจากต่อมไขมัน  (Seborrheic dermatitis) เป็นอาการผิดปกติจากการผลิตไขมัน แบ่งได้ 2 ประเภทคือ การผลิตไขมันมากเกิน และ ผลิตไขมันน้อยเกิน ซึ่งทำให้เกิดอาการคัน มักจะเป็นกับผิวหนังบริเวณหน้าและหลังของสุนัข ซึ่งหากเกิดบาดแผลจากการเกาจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อมากขึ้น เพราะต่อมไขมันทำงานผิดปกติ

โรคผิวหนังสุนัขจากยีสต์

เดิมทีบนขนของสุนัขจะมียีสต์เกาะอยู่แล้ว ซึ่งไม่ส่งผลอันตรายด้านสุขภาพแต่อาจทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ในตัวของสุนัข ซึ่งหากเกิดการแกะ หรือ เกาบ่อยๆ จากสาเหตุข้างต้น ยีสต์จะเกาะและขยายตัว ทำให้เกิดโรคผิวหนังขอสุนัข ทำให้ผิวหนังเป็นเกล็ดแข็งแบบหนังช้าง ขนจะร่วง มีกลิ่นตัวแรงและต้องใช้เวลาในการรักษา

โรคผิวหนังสุนัขมีกี่ชนิด?

โรคผิวหนังของสุนัขมีหลายแบบ เช่นเดียวกับที่มาและสาเหตุของการเกิดโรค ซึ่งแต่ละชนิดจะมีรูปแบบและมีความร้ายแรงมากแค่ไหน ลองติดตามดูกันได้เลย

1.โรคผิวหนังสุนัขอักเสบจากการแพ้น้ำลายหมัด (Fleabite allergic dermatitis)

โรคผิวหนังสุนัขจากภาวะภูมิแพ้น้ำลายหมัดมักจะทำให้เกิดอาการคัน พบได้บ่อยในสุนัขช่วงอายุ 1-3 ปี สาเหตุเกิดจากหมัดดูดเลือดจากผิวหนังของสัตว์ แล้วทำการปล่อยน้ำลายเข้าไปในผิวหนังชั้นนอกหรือหนังกำพร้า ซึ่งน้ำลายของหมัดจะไปกระตุ้นให้เกิดภาวะภูมิแพ้ในตำแหน่งนั้น ๆ อาการจะเริ่มจากมีอาการบวมน้ำ มีตุ่มนูนสีแดง และสุนัขจะมีอาการคันเป็นแถบยาว พบรอยในตำแหน่งแนวสันหลัง, หาง และสีข้าง หรือในบางกรณีอาจพบบริเวณขา, ลำคอ และส่วนหัวได้ด้วย

2. โรคขี้เรื้อนแห้ง (Sarcoptic mange)

โรคขี้เรื้อนแห้งเป็นโรคผิวหนังสุนัขที่สามารถติดต่อได้ทั้งในสุนัขและคนที่อยู่ใกล้ชิด สาเหตุเกิดจากตัวไร Sarcoptes scabiei var. canis โรคผิวหนังสุนัขชนิดนี้จะมีการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ โดยสัตว์จะเกิดสภาวะภูมิไวเกิน (hypersensitivity) ต่อตัวไรและสารคัดหลั่งที่ไรปล่อยออกมา ทำให้เกิดอาการคันผิวหนัง อาการเริ่มต้นจะมีตุ่มนูนสีแดง และสะเก็ด สีเทา-เหลืองรอบๆ บริเวณที่อักเสบ บริเวณที่พบได้บ่อย คือ ปลายใบหู, ข้อศอก, ข้อเท้า และผิวหนังด้านล่างของช่องท้อง ในสุนัขที่ไม่ได้รับการรักษาทันทีจะกระจายไปทั่วผิวหนังของร่างกาย

3.โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic dermatitis)

โรคผิวหนังสุนัขนี้เป็นภาวะที่สาเหตุมาจากการตอบสนองของภูมิคุ้มกันในการสร้าง IgE antibodies จากการแพ้สารก่อภูมิแพ้ (allergen) เช่น ฝุ่นละอองและละอองเกสรดอกไม้ จนทำให้เกิด ผิวหนังอักเสบ อาการของโรคจะเริ่มสังเกตเห็นเมื่อสุนัขอายุ 1-3 ปี อาการจะมีตั้งแต่คันที่ผิวหนัง ผิวหนังมีสีแดง และอาจพบการเปลี่ยนแปลงของผิวหนังเป็นสีเข้ม และผิวหยาบด้านหนาขึ้น ซึ่งสามารถพบได้ที่ผิวหนังระหว่างนิ้ว, ใบหู, ฝีเย็บ, ใบหน้า (รอบตาและริมฝีปาก) และ รักแร้ เป็นต้น ทั้งนี้ยังอาจพบขนร่วงขึ้นกับช่วงเวลา และความรุนแรงของผิวหนังที่เกิดการอักเสบ

4. โรคผิวหนังสุนัขจากเห็บ (Tick infestation)

โรคผิวหนังสุนัขจากเห็บ เป็นโรคทั่วไปสามารถพบได้บ่อยกับสุนัข โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทย สายพันธุ์ที่พบคือ เห็บสุนัขสีน้ำตาล ซึ่งเป็นเห็บชนิดที่อยู่ในกลุ่มเห็บแข็ง เห็บชนิดนี้จะฝังปากที่มีลักษณะเป็นหนามลงไปในชั้นผิวหนังของสุนัขเพื่อยึดผิวหนังเอาไว้ก่อนจะดูดเลือดสุนัข ทำให้เกิดการติดเชื้อ โดยจะเป็นแผลมีลักษณะผิวหนังมีสีแดงและเป็นตุ่มนูน บริเวณที่เห็บกัด สุนัขจะมีอาการคันอย่างมาก จะเก่าบ่อยและเกิดเป็นแผลขึ้นมาได้ ซึ่งเสี่ยงต่อการติดเชื้อชนิดอื่นๆ เพิ่มเติมอีกด้วย

5.โรคขี้เรื้อนเปียก (Demodicosis)

โรคขี้เรื้อนเปียกเกิดจากการถูกกัดโดยตัวไรขี้เรื้อนที่อาศัยอยู่ในรูขุมขน หรืออาจพบได้ในต่อมไขมันที่ผิวหนัง โดยตัวไรจะเลือกกินเศษเซลล์ภายในรูขุมขนและต่อมไขมัน สามารถพบไรขี้เรื้อนเปียกได้จำนวนไม่มากนักในสุนัขปกติ แต่เมื่อสุนัขมีภาวะภูมิคุ้มกันลดลงรวมไปถึงเมื่อภูมิคุ้มกันถูกกดไว้ อาการแพ้และอาการป่วยต่างๆ จะทำให้ไรเหล่านี้มีเพิ่มจำนวนขึ้น เมื่อถูกกัดมากๆ ทำให้ผิวหนังเริ่มมีการอักเสบเกิดเป็นอาการขี้เรื้อนเปียก นอกจากนี้โรคผิวหนังอักเสบเป็นหนองจากการติดเชื้อแบคทีเรียก็สามารถทำให้ไรเพิ่มจำนวนได้เช่นกัน

5 อาการของโรคผิวหนังที่พบได้บ่อย

อาการผิดปกติของโรคผิวหนังสุนัข มีหลากหลายรูปแบบ แต่มีอาการที่มักพบได้ทั่วไป สามารถสังเกตได้ง่าย ซึ่งอาการที่เกิดขึ้น มีที่มาจากแหล่งใดและมีความรุนแรงหรือไม่ เรามาลองดูกันได้เลย

1. ตุ่มสีแดง / เม็ดสีแดง

เป็นอาการแพ้ผิวหนังทั่วไป ลักษณะจะเป็นตุ่มขนาดเล็กไม่เกินข้อนิ้วมือ อาจมีตุ่มที่นูนขึ้นมาสลับบ้าง โดยทั่วไปเกิดจากหลายสาเหตุ แต่มักจะพบจากการถูก เห็บ หมัดหรือไร กัดที่ผิวหนัง หรือเป็นอาการจากการแพ้อากาศและสิ่งแวดล้อมได้เช่นกัน

2. ผิวแห้งเป็นสะเก็ด

อาการที่เกิดจากการจับตัวเป็นสะเก็ดของเซลล์ที่ตายแล้ว สะเก็ดเลือด หนอง รังแคหรือยาที่แห้งแล้วจับตัวกันบนผิวหนัง พบได้ทั่วไปไม่อันตรายนัก เกิดจากการมีปรสิตมาเกาะกินผิวหนังยาวนานหรือการติดเชื้อบนผิวหนัง

3. ขนหลุดร่วง

อาการขนหลุดร่วงปริมาณมาก จนทำให้เห็นผิวหนังเป็นอาการไม่ปกติของสุนัข เกิดขึ้นจากการติดเชื้อหรืออาการป่วย ไม่ว่าจะเป็นโรคภายในหรือภายนอก เช่น โรคขี้เรื้อน ภูมิแพ้ การแพ้เห็บ/หมัด หรือ อาการเครียดในสุนัข เป็นต้น ซึ่งปล่อยทิ้งไว้ยาวนานจนขนหลุดร่วงทั้งบริเวณ ควรตรวจหาสาเหตุกับสัตวแพทย์โดยตรง

4. แผลเปียก / แผลเป็นหลุม

อาการที่เกิดการอักเสบบนผิวหนังสุนัขตลอดเวลา จนหนังชั้นนอกหลุดออก แผลจะมีเลือดหรือน้ำหนองซึมตลอดเวลา เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุตั้งแต่การถูกแมลงกัด ไปจนถึงอาการรุนแรงอย่างโรคมะเร็งผิวหนัง โดยทั่วไปต้องใช้เวลารักษาค่อนข้างยาวนาน

5. รังแคและผิวแห้งเป็นขุย

อาการเหล่านี้เกิดขึ้นได้จากการโดนตัวหมัด หรือ ไร กัดที่ผิวหนัง ผิวหนังจะแห้งและล่อนออกมาเป็นขุยขาวๆ เป็นการผลัดเซลล์ผิวเก่าออกไป นอกจากนี้ยังพบอาการผิวหนังเป็นรังแคร์ได้จากอาการขี้เรื้อนแห้ง การติดเชื้อจากยีสต์บนผิวหนัง เป็นต้น

สุนัขคอร์กี้นั่งอยู่บนเบาะขนฟูสีขาว ในเต๊นท์สีขาว
Photo by Cole Keister on Unsplash

5 วิธีการป้องกันและรักษาโรคผิวหนังสุนัข

1. อาบน้ำและพ่นสเปรย์ฆ่าเห็บ-หมัด

วิธีป้องกันที่ง่ายๆ คือการพาน้องหมาอาบน้ำ โดยแนะนำให้อาบ 1-2 สัปดาห์ครั้ง เพื่อให้ผิวและขนมีปริมาณแบคทีเรียที่สมดุล ดีต่อสุขภาพ หลังจากอาบน้ำ แนะนำให้พ่นหรือฉีดสเปรย์ฆ่าเห็บ-หมัด ปิดท้าย เพื่อป้องกันเจ้าสิ่งมีชีวิตที่ไม่น่ารักเหล่านี้จากน้องหมาของเรา

2. ทำความสะอาดที่นอน – บริเวณที่อยู่สุนัข

ตัวไรชนิดต่างๆ จะอาศัยอยู่ตามพรม ฟูก ที่นอน การทำความสะอาดสิ่งเหล่านี้จะช่วยป้องกันปัญหาอาการแก้และคันจากไรได้ รวมถึงการฉีดป้องกัน เห็บ หมัดจากพื้นดินรอบๆ ตัวบ้านก็ช่วยให้น้องหมาวิ่งเล่นได้อย่างสบายกาย เจ้าของก็จะสบายใจมากขึ้น

3. ดูแลรักษาด้วยสมุนไพร

เราสามารถปรับใช้สมุนไพรไทย ในการดูแลรักษาสุขภาพผิวและขน เพื่อป้องกันโรคผิวหนังสุนัขได้ เช่น

  • ว่านหางจระเข้ (Aloe vera): ว่านหางจระเข้นั้นมีฤทธิ์ในการบรรเทาการอักเสบและช่วยทำให้ผิวหนังอ่อนตัวลง วิธีการใช้ คือ นำใบสดที่แก่เต็มที่ แกะเปลือกด้านนอกและล้างยางสีเหลืองออกให้หมดจด  และใช้ในเฉพาะส่วนที่เป็นวุ้นใสซึ่งว่านหางจระเข้สามารถใช้ได้ทั้งแบบสดและการเตรียมเป็นทิงเจอร์ จากนั้นนำมาทาบริเวณที่เป็นรอย วันละ 2-3 ครั้ง ช่วยแก้ปัญหาผิวหนังและโรคที่เกิดจากเชื้อราได้
  • ฟ้าทลายโจร  (Andrographis paniculata): สำหรับสรรพคุณของฟ้าทลายโจรมีฤทธิ์ในการลดการอักเสบเป็นอย่างดี วิธีการเตรียมสำหรับนำมารักษาโรคผิวหนังสุนัข คือ นำใบสดที่ไม่แก่หรืออ่อนเกินไปมาล้างให้สะอาดแล้วตากให้แห้ง จากนั้นบดให้เป็นผง แล้วนำมาชงกับน้ำร้อนในขนาด 250-300 มิลลิกรัม ต่อน้ำ 1 ลิตร แบ่งให้สุนัขกิน 3 ครั้งใน 1 วัน จะสามารถช่วยบรรเทาอาการโรคผิวหนังสุนัข ในกลุ่มอาการอักเสบต่างๆ
  •  น้ำมันมะพร้าว: น้ำมันมะพร้าวมีคุณสมบัติในการบำรุงและถนอมเส้นขน ช่วยให้สุขภาพดีและมีความเงางาม นอกจากนี้ยังมีช่วยในการรักษาโรคผิวหนังสุนัขที่เกิดจากเชื้อราหรือปัญหาขนร่วงต่างๆ เพียงทำน้ำมันมะพร้าวลงบางๆ และเช็ดรอบๆ บริเวณที่มีอาการก็เป็นอันใช้ได้แล้ว
  • ขมิ้นชัน (Curcuma longa): ขมิ้นชันมีฤทธิ์ในการช่วยลดอาการอักเสบของผิวหนังและช่วยบำรุงผิวหนังได้ดี วิธีการใช้ขมิ้นชันในการรักษา และบรรเทาอาการ คือ เตรียมเหง้าแก่สดล้างให้สะอาดแล้วหั่นเป็นแว่น จากนั้นตากให้แห้งแล้วนำมาเตรียมเป็นยาน้ำมัน หรือทิงเจอร์ หลังจากนั้นใช้ทาบางๆ ให้ทั่วบริเวณที่มีอาการโรคผิวหนัง วันละ 2-3 ครั้ง ก็จะช่วยให้อาการดีขึ้นได้

4. ปรับเมนูอาหาร ให้มี Omega 3 / Omega 6

การบำรุงร่างกายสุนัขจากภายในก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญ โดยเฉพาะผิวหนังและขน การให้ อาหารที่อุดมไปด้วยโอเมก้า 3 และ 6  เป็นไขมันดีที่ช่วยให้สุนัขมีสุขภาพผิวที่ดีขึ้น มีขนเงางาม พร้อมทั้งลดปัญหาขนหลุดร่วงจำนวนมากลงได้ หากสุนัขได้ทานอาหารที่มีประโยชน์ก็จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ฟื้นตัวไวและมีภูมิคุ้มกันที่ดีต่ออาการต่างๆ มากขึ้น

ที่ JOMO เราเลือกสรรวัตถุดิบคุณภาพดี จนได้เป็นอาหารเม็ดสุนัขสูตรพรีเมียม โปรตีนสูง 23% อุดมไปด้วยโอเมก้า 3 และ 6 จากน้ำมันปลาแซลมอน ช่วยบำรุงขนและผิวให้น้องหมาขนสวย ไม่ร่วง ผิวหนังสุขภาพดี สั่งซื้อ JOMO วันนี้ส่งฟรีทั่วประเทศไทย

5. ตรวจสุขภาพกับสัตวแพทย์

หากสุนัขเริ่มมีอาการไม่ดี หรือรักษาเบื้องต้นแล้วแต่อาการไม่ดีขึ้น ควรพาสุนัขไปพบสัตวแพทย์เพื่อวินิจฉัยอาการของโรคผิวหนังนั้นๆ เพื่อทำความเข้าใจและรับคำแนะนำที่เหมาะสมในการดูแลสุขภาพของสุนัขไม่เพียงแต่ปัญหาโรคผิวหนังสุนัข แต่ยังรวมไปถึงสุขภาพร่างกายในด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีกด้วย

สรุปการดูแลรักษาสุนัขป่วยโรคผิวหนัง

หมั่นสังเกตอาการและการเกาของสุนัข จุดเริ่มต้นของโรคผิวหนังสุนัขส่วนมากเกิดจากการที่สุนัขคันและเกาบ่อยๆ ทำให้เกิดรอยช้ำและการอักเสบของผิวหนัง ซึ่งนำไปสู่การติดเชื้อต่างๆ การดูแลรักษาความสะอาดของสุนัขและที่อยู่อาศัยเป็นสิ่งที่สามารถได้ง่ายและควรดูแลความสะอาดสม่ำเสมอทุกๆ 1-2 สัปดาห์ เพื่อให้สุนัขมีสุขอนามัยที่ดี

นอกจากนี้การได้รับอาหารที่มีคุณค่าและอุดมไปด้วยโอเมก้า 3 และ 6 ยังเป็นตัวช่วยจากภายในให้สุนัขมีสุขภาพผิวและขนที่แข็งแรง อาหารสุนัขJOMO เกรดพรีเมี่ยม ช่วยบำรุงขนและผิวหนัง ด้วย โอเมก้า 3 และ 6 จากน้ำมันปลาแซลมอน อีกทั้งยังมีส่วนผสมของใบยัคคาที่ช่วยลดกลิ่นตัวและคราบน้ำตาของสุนัขได้อีกด้วย สั่งซื้อได้แล้ววันนี้เพื่อสุขภาพขนและผิวหนังที่ดีของน้องหมา ส่งฟรีทั่วประเทศไทย

สุนัขปอมเมอเรเนียนนั่งข้างถุงอาหารสุนัขบำรุงขนเกรดพรีเมียม JOMO

สุนัขมีอาการคันแบบไหน ที่ควรพบสัตวแพทย์?

 สุนัขจะมีการเกาและคันอยู่บ้างเป็นปกติ แต่หากสังเกตว่ามีการเกาที่ถี่จนเกินไป รวมถึงการเกามีความรุนแรง ควรสังเกตบริเวณที่เกาเพิ่มเติมว่ามีอาการเหล่านี้หรือไม่ หากมีควรพาไปพบสัตวแพทย์ทำวินิจฉัยทำการรักษาต่อไป 

  • คันและเกาจนนอนไม่หลับ ตลอดทั้งคืน
  • ผิวหนังบริเวณที่เกามีสีแดง เป็นผื่นนูนแดง มีสะเก็ดรังแค มีเลือดออกเป็นจุด 
  • ผิวหนังเปลี่ยนไปจากปกติ เช่น เหนียวเหนอะหนะ หรือมีขนร่วงมากกว่าปกติ
  • ผิวหนังมีกลิ่นเหม็น มีไขมันจากผิวไหลซึมตลอดเวลา
  • ใบหูหู หลังหูมีหนองไหลออกมาและมีกลิ่นเหม็น

สุนัขมีรังแค ผิดปกติไหม?

ผิวหนังมีรังแค เกิดขึ้นกับสุนัขได้เช่นกัน โดยเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งการแพ้ การขาดสารอาหารหรือแม้แต่อากาศหนาวก็ทำให้เกิดได้ นอกจากนี้ยังมีสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับอาการป่วยซึ่งหากสุนัขมีรังแคเรื้อรังและเริ่มคันจนเกาไม่หยุด ควรพาไปตรวจสุขภาพกับสัตวแพทย์เพื่อรักษาต่อไป

ป้องกันไม่ให้สุนัขเกาแผลแรงๆ ได้อย่างไร

หากสุนัขเป็นแผลและมีการคันผิวหนังซึ่งมักจะเกาและเลียจนเกิดการติดเชื้อ โดยทั่วไปมีจะปลอกคอกันเลียครอบคอไว้ และเจ้าของสามารถตัดเล็บของสุนัขเพื่อลดความแหลมคมและป้องกันการติดเชื้อได้ด้วย