ในช่วงปีที่ผ่านมา เราได้เห็นกระแสการให้อาหาร BARF หรือ อาหารดิบกับสุนัขได้รับความนิยมมากขึ้น ทำให้หลายคนอาจเกิดความสงสัยว่า จริงๆ แล้วอาหารบาร์ฟคืออะไร? เราสามารถให้อาหารดิบกับสุนัขได้ไหม? จะมีความปลอดภัยหรือไม่? ข้อดี-ข้อเสียของการให้อาหารแบบนี้กับน้องหมาคืออะไรบ้าง JOMO ได้เตรียมสรุปข้อมูลทุกเรื่องที่เจ้าของต้องรู้ เกี่ยวกับอาหาร BARF ของน้องหมา
อาหารบาร์ฟ BARF สุนัข คืออะไร ?
อาหารบาร์ฟ คือการให้สุนัขได้กลับไปกินอาหารดิบแบบดั้งเดิมตามธรรมชาติ เช่น เนื้อดิบ กระดูก ผัก ผลไม้ ไข่ สมุนไพร ธัญพืช หรือวิตามินเสริมบางอย่าง โดย BARF ย่อมาจาก Biologically Appropriate Raw Foods (BARF)
โดยอาหาร BARF เกิดขึ้นจากไอเดียที่ว่าในอดีตสุนัขเป็นสัตว์ป่า ที่กินเนื้อและพืชตามธรรมชาติ ก่อนภายหลังจะถูกมนุษย์นำมาเลี้ยงและปรับปรุงสายพันธุ์ ปรับวิถีชีวิตและการให้อาหาร จนกระทั่งเป็นสัตว์เลี้ยงแสนรักอย่างที่เราเห็นในปัจจุบัน
การให้อาหารบาร์ฟ จึงเป็นการคืนวิถีการกินแบบดั้งเดิมของสุนัขตามธรรมชาติ ให้สุนัขได้กินเนื้อดิบ หรือ อาหารดิบที่ไม่ผ่านการปรุงแต่งใดๆ เพื่อลดการสูญเสียคุณค่าทางโภชนาการของวัตถุดิบที่ใช้ปรุงอาหารและให้สุนัขได้รับสารอาหารจากแหล่งวัตถุดิบนั้นๆ อย่างเต็มที่
ให้อาหารบาร์ฟสุนัขดีหรือเปล่า?
การให้อาหารบาร์ฟ หรือ อาหารดิบกับน้องหมานั้น มีข้อดีอยู่หลายอย่าง งานวิจัยหลายตัวและเจ้าของที่เคยให้อาหารแบบนี้ก็พบความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นกับตัวน้องหมา
ข้อดีของการให้อาหารบาร์ฟกับสุนัข
1. ช่วยให้สุนัขมีขนเงางามมากขึ้น
การที่สุนัขได้รับสารอาหารเต็มที่มากขึ้น สิ่งที่เห็นความเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจนคือขนของสุนัขจะแข็งแรง เป็นเส้นสลวย เงางามมากขึ้น ผู้เลี้ยงหลายคนที่ให้อาหารบาร์ฟ พบความเปลี่ยนแปลงในส่วนของขน สีขน ที่ดูสุขภาพดีมากขึ้น
แต่ถ้าเจ้าของมีความกังวลเรื่องการให้อาหารบาร์ฟ กลัวจะไม่สดใหม่ ไม่ปลอดภัย หรือไม่มีเวลาเตรียมของเอง ลองเลือกอาหารเม็ดสุนัขบำรุงขนที่ใช้ส่วนผสมคุณภาพดี และไม่มีสารปนเปื้อนเสี่ยงแพ้ ที่ JOMO เราเลือกใช้น้ำมันปลาแซลมอนอุดมไปด้วย Omega 3 และ Omega 6 ช่วยให้สุนัขมีสุขภาพผิวที่ดี มีขนเงางาม นอกจากจะสะดวกแล้ว ยังปลอดภัย และได้รับสารอาหารครบถ้วนแบบคำนวณมาแล้ว พิเศษ!! สั่งซื้ออาหารสุนัขบำรุงขนเกรดพรีเมียมวันนี้ ส่งฟรีทั่วประเทศไทย!!
2. ช่วยในระบบช่องปาก เหงือกและฟัน
สุนัขที่กินอาหารบาร์ฟ จะมีแนวโน้มที่มีเหงือกและฟันที่ดีขึ้น ลดปัญหาอาการเหงือกอักเสบหรือปัญหาฟันผุในสุนัขที่เกิดขึ้นจากเศษอาหารเข้าไปติดตามซอกฟันต่างๆ นอกจากนี้เมื่อมีการเคี้ยวเนื้อซึ่งอาจมีความเหนียว ชิ้นใหญ่บ้าง จะเป็นการบริการเหงือกและกรามของสุนัขได้อย่างดี
3. ช่วยในการควบคุมน้ำหนักของสุนัข
อาหารดิบจะช่วยในการย่อยอาหารและช่วยให้สุนัขได้รับสารอาหารในปริมาณที่มากขึ้น ซึ่งมีส่วนช่วยทั้งระบบย่อยอาหารและการควบคุมน้ำหนัก ทำให้สุนัขมีน้ำหนักที่ปกติ ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป พร้อมทั้งช่วยลดน้ำตาลส่วนเกินของอาหารซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเบาหวานในสุนัขอีกด้วย
4. ช่วยลดความเครียดและมีพลังงานมากขึ้น
สุนัขที่ได้กินอาหารบาร์ฟจะมีระดับความเครียดที่ลดลง รวมถึงมีพลังงาน มีความกระฉับกระเฉงมากยิ่งขึ้น เนื่องจากอาหารดิบจะช่วยลดระดับความกังวล มีการให้พลังงานที่เพียงพอกับสุนัข ทำให้สุนัขดูแข็งแรง ร่าเริงและอารมณ์มากเป็นพิเศษ
การให้อาหารดิบเพื่อให้สุนัขได้กลับคืนไปใช้ชีวิตตามวิถีเดิมนั้นอาจเป็นการช่วยให้สุนัขได้กินอาหารที่มีคุณค่าสูงและเต็มไปด้วยสารอาหาร พลังงาน ซึ่งเหมาะกับร่างกายของพวกเขา แต่จริงๆ แล้ว การกินอาหารดิบนั้นไม่ได้มีแต่ข้อดีเพียงอย่างเดียว ยังมีข้อที่ต้องระมัดระวังและผลเสียที่อาจตามมาด้วยเช่นกัน
ให้อาหารบาร์ฟสุนัขอันตรายหรือเปล่า ปลอดภัยหรือไม่?
นอกเหนือไปจากข้อดีต่างๆ การให้อาหารดิบ หรือ อาหารบาร์ฟ สำหรับสุนัขในปัจจุบันก็มีข้อเสียที่อาจเกิดขึ้นกับสุนัขได้เช่นกัน
ข้อเสียและข้อควรระวัง ในการให้ BARF กับสุนัข
การให้อาหารบาร์ฟมีทั้งข้อดีและข้อเสียที่ต้องพิจารณาตามกรณี ซึ่งเจ้าของต้องพิจารณาการให้อาการแต่ละแบบเพื่อให้เหมาะสมกับสุนัขที่เลี้ยงอยู่ ให้น้องหมาได้รับสารอาหารให้ครบถ้วนและเพียงพอ
1. เนื้อที่เตรียมต้อง สด ใหม่ สะอาด
การเตรียมอาหารบาร์ฟจำเป็นต้องเตรียมสด ใหม่ ในทุกวัน เพราะการเก็บเนื้อที่ไม่ได้มาตรฐานเพียงพอ หรือ ทำความสะอาดเนื้อดิบไม่เพียงพอ จะเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรีย เชื้อโรคต่างๆ ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อลำไส้ของสุนัขทำให้เกิดการติดเชื้อหรืออักเสบขึ้นได้
2. ระวังเรื่องกระดูกที่ติดกับเนื้อสัตว์ในอาหารดิบ
ในเนื้อสัตว์ดิบบางส่วนจะมีกระดูกปะปนอยู่ ซึ่งหากสุนัขเคี้ยวไม่ดีพอ จะเผลอกลืนกระดูกเข้าไปและอาจเป็นอันตรายต่อระบบย่อยอาหารได้เช่นกัน ซึ่งกระดูกบางส่วนมีความแหลมคมอาจเกิดการทิ่มแทงกระเพาะอาหารของสุนัขด้วย
3. อาจเกิดสภาวะขาดสารอาหาร หรือ สารอาหารเกิน
เนื้อสัตว์แต่ละชนิด แต่ละส่วน มีปริมาณสารอาหารต่างๆ ไม่เท่ากัน หรือแม้แต่ผักผลไม้ ก็อาจได้รับวิตามินแร่ธาตุไม่ครบ บางครั้งการให้อาหารดิบเหล่านี้ทำให้สุนัขขาดสารอาหารที่จำเป็น หรือ ได้รับส่วนที่เป็นไขมันส่วนเกิน ส่งผลเสียต่อสุขภาพได้เช่นกัน
4. BARF ใช้เวลาเตรียมนาน และ เตรียมได้ยาก
นอกเหนือไปจากการเตรียมเนื้อต่างๆ ผักและผลไม้สด ให้ได้ในอัตราส่วนที่เหมาะสมแล้ว การเลือกแหล่งที่มาให้มั่นใจว่าไม่มีสารเคมี สารเร่งหรือแหล่งปนเปื้อนต่างๆ ยังเป็นสิ่งที่ทำได้ค่อนข้างยาก การเตรียมอาหารบาร์ฟจึงใช้เวลาที่นาน
5. อาหารดิบอาจไม่เหมาะกับสุนัขบางสายพันธุ์
แม้ว่าอาหารบาร์ฟจะเป็นการกลับคืนวิถีการกินของสุนัขแบบเดิม แต่สุนัขในปัจจุบันโดยเฉพาะในกลุ่มสายพันธุ์ อย่าง ปั๊ค หรือ เฟรนช์บูลด็อก ที่ถูกปรับแต่งสายพันธุ์ ทำให้กรามสั้นลง ความสามารถในการกัดหรือบดเคี้ยวก็ลดลงด้วย ทำให้อาจไม่เหมาะกับการกินอาหารดิบที่ต้องใช้แรงฉีกกัดที่สูง
6. อาหารบางอย่างอาจจะไม่เหมาะกับสุนัข
มีอาหารหลายอย่างที่สุนัขห้ามทาน เช่น นม หรือผลไม้บางอย่าง เนื่องจากอาจจะส่งผลต่อสุขภาพของสุนัขอย่างรุนแรงได้ ดังนั้นแล้วเจ้าของจะต้องเช็กก่อนที่จะทำอาหารบาร์ฟ ให้ดีว่ามีอาหารอะไรบ้างที่อาจจะก่อให้เกิดอันตรายกับสุนัขได้
แน่นอนว่าอาหารแต่ละแบบก็มีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป ถ้าเจ้าของกังวลเรื่องคุณภาพของอาหารบาร์ฟ ความสดใหม่ที่ควบคุมได้ยาก และอยากจะให้น้องหมาสุขภาพดีได้ในทุกวันลองเลือกอาหารสุนัขเกรดพรีเมี่ยมอย่าง JOMO โปรตีนสูง 23% ใช้โปรตีนหลักจากเนื้อแกะออสเตรเลีย ไม่มีส่วนผสมของ By-Product อย่างเนื้อไก่หรือข้าวโพด มั่นใจไม่เกิดอาการแพ้อาหารและย่อยได้ง่าย ได้สารอาหารครบ พิเศษยิ่งขึ้น สั่งซื้อวันนี้ส่งฟรีทั่วประเทศไทย!
ตัวอย่างอาหารบาร์ฟ BARF สำหรับสุนัข
โดยทั่วไปอาหารบาร์ฟ จะต้องเตรียมอย่างสดใหม่ เน้นใช้วัตถุดิบที่ไม่ผ่านการปรุงหรือเก็บไว้นาน ซึ่งหนึ่งในสูตรอาหารบาร์ฟแบบง่ายๆ เราสามารถแบ่งอัตราส่วนของสิ่งที่ต้องให้สุนัขตามเปอร์เซ็นต์ ดังนี้
1. 70% เนื้อสัตว์ดิบ ไม่ผ่านการปรุงแต่ง
อาจเลือกใช้ได้ทั้งเนื้อหมู วัว ไก่ หรือ เนื้อแกะ ในส่วนที่มีมันน้อย เน้นกล้ามเนื้อหรือเนื้อสันใน แต่ควรเลี่ยงการใช้เนื้อไก่เพราะมีโอกาสสูงที่สุนัขจะเกิดอาการแพ้อาหาร จากการกินเนื้อไก่
2. 10% กระดูกสัตว์ ในส่วนที่เคี้ยวกินได้
อาจเลือกเป็นส่วนของกระดูกอ่อน ที่ช่วยให้เคี้ยวกินได้ ไม่แข็งจนเกินไป
3. 10% ผักและผลไม้สด
เลือกผัก 5 สี หรือ ผลไม้กลุ่มเบอร์รีจะช่วยในการย่อยอาหารและการขับถ่าย
4. 5% ตับแบบสดๆ ไม่ผ่านการปรุง
อุดมไปด้วยสารอาหารและวิตามินจำเป็นต่อร่างกายสุนัข
5. 5% เครื่องในส่วนอื่นๆ
เสริมจากการกินตับ และช่วยให้สุนัขได้รับวิตามิน แร่ธาตุเพียงพอ
สรุปเรื่องอาหารบาร์ฟ BARF สำหรับสุนัข
อาหารบาร์ฟ หรือ อาหารดิบ เป็นการให้อาหารที่ช่วยให้สุนัขได้กลับคืนสู่วิถีชีวิตแบบดั้งเดิม เพราะเดิมทีสุนัขที่เราเลี้ยงก็คือสุนัขป่าที่กินของดิบและเนื้อสดมาก่อน อาหารชนิดนี้มีส่วนช่วยในเรื่องของสารอาหาร พลังงาน ช่วยลดความเครียด และให้พลังงานอย่างเต็มที่ แต่ในขณะเดียวกัน สุนัขปัจจุบันก็มีการปรับเปลี่ยนสายพันธุ์และสรีระไปบ้าง ทำให้อาหารชนิดนี้อาจไม่เหมาะกับสุนัขบางชนิด โดยเฉพาะสายพันธุ์หน้าสั้น อย่างเช่นปั๊ค หรือ เฟรนช์บูลด็อก ที่อาจมีแรงกัดเคี้ยวไม่เพียงพอ นอกจากนี้การเตรียมอาหารบาร์ฟต้องใช้เวลาและความใส่ใจอย่างมาก การเตรียมเนื้อดิบหรือกระดูกที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจทำให้สุนัขเกิดอาการติดเชื้อ ท้องเสียและเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพต่างๆ
สุดท้ายแล้วการให้อาหารสำหรับสุนัขคือต้องตอบโจทย์ในเรื่องสารอาหาร พลังงาน ความอิ่ม อร่อย และที่สำคัญจะต้องดีต่อสุขภาพสุนัข
ที่ JOMO เรามุ่งมั่นพัฒนา อาหารสุนัขเกรดพรีเมี่ยม JOMO ให้เหมาะกับสุนัขทุกสายพันธุ์ได้อิ่ม อร่อย และสุขภาพดี ไร้ความกังวลเรื่องแบคทีเรียปนเปื้อนจากอาหารสด มีโปรตีนสูงถึง 23% โดยใช้โปรตีนหลักจากเนื้อแกะ พร้อมทั้งส่วนผสมจากธรรมชาติอย่างยัคคาช่วยในเรื่องของผิวและขน เบต้า-กลูเคนซึ่งเป็นพรีไบโอติกส์ ช่วยในเรื่องเสริมภูมิคุ้มกัน ป้องกันไวรัสและเชื้อโรคต่างๆ อิ่มอร่อยและดีต่อสุขภาพน้องหมาอีกด้วย สั่งซื้อสุขภาพที่ดีให้กับน้องหมาได้แล้ว ตอนนี้ส่งฟรีทั่วประเทศ
อาหารบาร์ฟ (BARF) ดีต่อสุนัขหรือไม่?
อาหารบาร์ฟ หรือ อาหารดิบ ไม่ข้อดีและข้อเสียสำหรับสุนัขแต่ละสายพันธุ์ จุดเด่นคือการที่อาหารไม่ผ่านการปรุง สุนัขจะได้กลับไปกินแบบดิบ แบบดั้งเดิม ได้สารอาหาร วิตามินเกลือแร่ที่ไม่ผ่านการปรุง แต่ก็อาจเกิดปัญหาการปนเปื้อนแบคทีเรีย ปัญหาความสะอาด และไม่เหมาะกับสุนัขหน้าย่นที่ถูกปรับสายพันธุ์เพราะมีแรงกัดเคี้ยวไม่มากพอ
อาหารบาร์ฟ แบบสำเร็จรูปเหมาะที่จะให้สุนัขหรือไม่?
อาหารบาร์ฟที่ดีที่สุดคือการเตรียมแบบวันต่อวัน เพื่อความสด ใหม่ สะอาด ไม่ผ่านการเก็บรักษา คงรสชาติและคุณประโยชน์ไว้ได้สูงสุด ดังนั้นอาหารบาร์ฟสำเร็จรูป หรือ กลุ่มอาหารแช่แข็งอาจมีสารอาหารหรือคุณประโยชน์ที่ลดลงได้
สูตรอาหารบาร์ฟมีอะไรบ้าง?
อาหารบาร์ฟ ย่อมาจาก Biologically Appropriate Raw Foods หรือ บางแหล่งก็ใช้ว่า Bone and Raw Foods อาจประกอบไปด้วย เนื้อสัตว์ 70% กระดูกสัตว์ 10% ผักผลไม้สด 10% ตับและเครื่องใน 10% โดยวัตถุดิบทั้งหมดเป็นแบบดิบไม่ผ่านการปรุงใดๆ